ภูเขาหวงซาน มหาบรรพตบนแผ่นดินจีน

เรื่องโดย เสี่ยวเฉิน


 

——ภูเขาหวงซาน (黃山) ได้ชื่อว่าเป็นขุนเขาอัศจรรย์อันดับหนึ่งในแผ่นดิน (天下第一奇山) เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A ของประเทศจีน และเป็นตัวแทนอันโดดเด่นด้านทัศนียภาพของภูเขาที่ตั้งตระหง่านและวัฒนธรรมอันรุ่งโรจน์ดุจดังแม่น้ำแยงซีเกียง กำแพงเมืองจีน และแม่น้ำฮวงโหของจีน ภูเขาแห่งนี้อยู่ที่เมืองหวงซาน (黃山市) ทางตอนใต้ของมณฑลอันฮุย (安徽) ภูมิประเทศมีลักษณะเป็นภูเขาสูง หุบเขาลึก ความยาวจากเหนือจรดใต้ประมาณ 40 กิโลเมตร ความกว้างจากตะวันตกจรดตะวันออกประมาณ 30 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 1,200 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ชมทิวทัศน์ภูเขาหวงซาน 160.6 ตารางกิโลเมตร มียอดเขาสูงกว่า 1,000 เมตร 72 แห่ง ยอดเขาเหลียนฮัว (蓮花峰 ยอดเขาดอกบัว) เป็นยอดเขาสูงสุด มีความสูงถึง 1,864.8 เมตร ภูมิอากาศเป็นแบบมรสุมกึ่งเขตร้อน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปี 2,369.3 มิลลิเมตร อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี 7.9 องศาเซลเซียส

——อุทยานภูเขาหวงซานแบ่งเขตชมทัศนียภาพทะเลหมอกตามทิศการเกิดทะเลหมอก และใช้ตัวอักษรคำว่า ไห่
(海 ทะเล) มาแบ่งออกเป็นชื่อเรียกทั้ง 5 เขตดังนี้

 เขตหนานไห่


——เขตหนานไห่
(南海 ทะเลใต้) เป็นภูเขาสูง หุบเขาลึก ทะเลหมอกบริเวณนี้ดูยิ่งใหญ่ไพศาล

——เขตเทียนไห่ (天海 ทะเลฟ้า) อยู่ตรงกลาง ชั้นทะเลตรงนี้หมอกหนา ดูเรียบง่ายแต่ทรงพลัง

——เขตเป๋ยไห่ (北海 ทะเลเหนือ) ทะเลหมอกบริเวณนี้มีลักษณะใกล้เคียงกับทะเลที่สุด และเลื่อนไหลผ่านแนวเทือกเขา

——เขตตงไห่ (東海 ทะเลตะวันออก) มีลักษณะคล้ายหมอกควันฟุ้งไปทั่วบริเวณนี้ จึงดูลึกลับน่าเกรงขาม

——เขตซีไห่ (西海 ทะเลตะวันตก) บริเวณนี้มีทะเลหมอกขนาดใหญ่ที่สุดในหวงซาน อีกทั้งมีกระแสลมสงบที่สุด

——ภูเขาหวงซานมีชื่อเดิมว่าภูเขาอีซาน (黟山 ภูเขาดำ) เนื่องจากยอดเขามีสีครามปนดำและตั้งตระหง่านท่ามกลางทะเลหมอกเฉกเช่นภาพวาดพู่กันจีน ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นภูเขาหวงซานในสมัยจักรพรรดิถังเสวียนจง (唐玄宗 ค.ศ. 685-762) เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 747 ตามตำนานที่ได้บันทึกไว้ในคัมภีร์เก่าแก่ของลัทธิเต๋าสมัยราชวงศ์ถัง (唐 ค.ศ.618-907) มีใจความว่า ภูเขาหวงซานเป็นสถานที่บำเพ็ญฌานและเล่นแร่แปรธาตุเพื่อกลั่นยาอายุวัฒนะ (煉丹) และเกี่ยวข้องกับปฐมจักรพรรดิในตำนานของจีนนามว่า เซวียนหยวนหวงตี้ (軒轅黃帝) ซึ่งมีเรื่องเล่าว่า พระองค์ได้บำเพ็ญฌานจนสำเร็จกลายเป็นเซียน ณ ภูเขาลูกนี้ ตำนานดังกล่าวส่งผลต่อเนื่องถึงการตั้งชื่อสถานที่ในเขตภูเขาหวงซาน เช่น ยอดเขาเซวียนหยวน (軒轅峰) ยอดเขาเลี่ยนตัน (炼丹峰 ยอดเขากลั่นยา) รวมทั้งการนำคำว่า เซียน (仙) มาประกอบเป็นชื่อ เช่น เซียนเหรินเป้ยเปา (仙人背包 เซียนสะพายห่อผ้า) เซียนหนี่ว์ถานฉิน (仙女彈琴 เซียนสาวบรรเลงพิณ)

——ภูเขาหวงซานมีอายุกว่า 800 ล้านปี ด้วยลักษณะทางธรณีวิทยาที่ผสมผสานกันของป่าไม้ ธารน้ำแข็งโบราณ การสร้างสรรค์ของหินแกรนิต น้ำพุร้อน และน้ำตก รวมทั้งอากาศประจำถิ่นอันเกิดจากความชื้น ปริมาณน้ำฝน และความร้อนจากแสงอาทิตย์ ก่อให้เกิดความวิจิตรพิสดารอันเป็นเอกลักษณ์ของภูเขาหวงซานแห่งนี้จนได้รับการยกย่องว่าเป็นแดนสุขาวดีบนโลกมนุษย์ (人間仙境) ต่อมามีนักเดินทาง นักเขียน และนักภูมิศาสตร์ในสมัยราชวงศ์หมิง (明 ค.ศ. 1368-1644) นามว่า สวีเสียเค่อ (徐霞客 ค.ศ. 1587-1641) ได้มาเยี่ยมเยือนหวงซาน 2 ครั้ง พร้อมสดุดีว่า ‘ภูเขาที่ใดก็สวยไม่เท่าภูเขาหวงซาน ขึ้นภูเขาหวงซานแล้วก็ไม่อยากไปภูเขาไหนในแผ่นดินอีกเลย’ (薄海內外無如徽黃山,登黃山天下無山,觀止矣!) ซึ่งเป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่า ‘กลับจากภูเขาทั้ง 5[1] ไม่มองภูเขาอื่น กลับจากหวงซานไม่มองภูเขาทั้ง 5’ (五嶽歸來不看山,黃山歸來不看岳) นับเป็นคำกล่าวที่ชื่นชมความงามของภูเขาหวงซานได้เป็นอย่างดี

——นอกจากนี้ภูเขาหวงซานยังมีชื่อเสียงในด้านทัศนียภาพอันเลิศล้ำแปลกตา 5 อย่าง (五絕) อันเป็นลักษณะเฉพาะของภูเขาแห่งนี้ ได้แก่

——อย่างที่ 1 ต้นสนประหลาด (奇松) ถือเป็นจุดชมทัศนียภาพทางธรรมชาติที่สำคัญของภูเขาหวงซาน เนื่องจากสภาพอากาศและการเจริญเติบโตที่ความสูง 800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ต้นสนจึงมีลักษณะใบสั้น หนา ยอดต้นสนไม่แหลม (ป้านมน) ซึ่งเป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์ของต้นสนบริเวณนี้ เช่น ต้นสนรับแขก (迎客松) เป็นต้นสนประหลาดต้นแรกที่ได้ยลเมื่อเดินทางมาเยือน มีอายุกว่า 1,000 ปี ลำต้นสูงใหญ่ แผ่กิ่งก้านออกมา 2 ข้าง เสมือนแขนทั้ง 2 ข้างที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว, ต้นสนเล็บมังกร (龍爪松) สูง 12.5 เมตร เป็นต้นสนที่มีราก 5 รากโผล่จากพื้นดินในลักษณะส่วนเว้าส่วนนูนไม่เสมอกัน จึงดูเหมือนเล็บมังกร, ต้นสนคู่รัก (連理松) สูง 17.0 เมตร ส่วนลำต้นใหญ่ตอนล่างแตกเป็นลำต้นย่อยขึ้นขนานกัน จึงดูเหมือนคู่รักแนบชิดกัน เป็นต้น

 ต้นสนรับแขก

ต้นสนคู่รัก

——อย่างที่ 2 หินพิสดาร (怪石) เนื่องด้วยภูเขาแห่งนี้เป็นหินแกรนิตที่ถูกลมและฝนชะล้างและกัดเซาะมาเนิ่นนาน จึงเกิดหินที่มีลักษณะแตกต่างกันกว่า 200 ก้อน (ตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ) เช่น หินบินมา (飛來石) เป็นหินขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนหน้าผา สูง 12 เมตร ยาว 7.5 เมตร กว้าง 2.5 เมตร แต่มีส่วนที่สัมผัสกันระหว่างก้อนหินกับผาหินน้อยมาก จึงดูเหมือนหินบินมาตั้งอยู่, หินลิงมองทะเล (猴子觀海) มีลักษณะคล้ายลิงกำลังกระโดดและมองทะเลหมอกออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นต้น

 หินบินมา

——อย่างที่ 3 ทะเลเมฆ (雲海) เมื่อฟ้าหลังฝนชุ่มชื้นไปด้วยเมฆหมอกจนกลายเป็นทะเลหมอก ดูผสมกลมกลืนกับต้นสนประหลาด ป่าไม้ และหินพิสดาร จนเกิดเป็นทัศนียภาพที่แปลกตา

——อย่างที่ 4 น้ำพุร้อน (溫泉) น้ำพุร้อนของภูเขาหวงซานมีอุณหภูมิประมาณ 42 องศาเซลเซียส สามารถใช้อุปโภคบริโภคและมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีน้ำตกซึ่งไหลลงมาจากหน้าผา เกิดเป็นลำธารมากมาย เช่น น้ำตกไป่จ้างเฉวียน (百丈[2]泉瀑布), น้ำตกจิ่วหลง (九龍瀑 น้ำตกเก้ามังกร)

——อย่างที่ 5 หิมะฤดูหนาว (冬雪) ในบรรดาฤดูทั้งสี่ ฤดูหนาวเป็นฤดูที่มีทัศนียภาพตรึงตาที่สุด ทั่วทุกพื้นที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวสลับสีเทาของหินแกรนิต และสามารถเห็นทะเลหมอกได้อย่างง่ายดาย

   หิมะฤดูหนาว

——นอกจากความงดงามทางธรรมชาติ ภูเขาหวงซานยังเกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธด้วย ศาสนาพุทธเข้าสู่หวงซานในสมัยราชวงศ์ใต้ (南朝 ค.ศ. 420-589) หลังจากนั้นได้มีการสร้างวัดเกือบ 100 แห่งขึ้น หวงซานยังเป็นภูเขาแห่งวัฒนธรรม เป็นแหล่งรวมโบราณวัตถุทางวัฒนธรรม งานศิลปะ ภาพเขียน วรรณคดี ตำนาน และบุคคลที่มีชื่อเสียงซึ่งเคยเดินทางมาเยือน

——ภูเขาหวงซานในอดีตยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เนื่องด้วยการคมนาคมไม่สะดวก จวบจนราชวงศ์ถัง หลี่ไป๋ (李白 ค.ศ. 701-762) กวีเอกแห่งยุคได้เดินทางมาที่แห่งนี้และแต่งบทกวีพรรณนาชื่นชมความงดงามอันน่าอัศจรรย์ใจของทัศนียภาพภูเขาหวงซาน ชื่อของภูเขาแห่งนี้จึงค่อยๆ เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

——ต่อมาในสมัยปลายราชวงศ์หมิงต่อต้นราชวงศ์ชิง ถือเป็นช่วงบุกเบิกศาสนา โดยสมัยจักรพรรดิหมิงเสินจง
(明神宗 ค.ศ. 1563-1620) พระภิกษุนามว่าผู่เหมิน (普门) ได้มาสร้างวัดฝาไห่ (法海禪院) อีกทั้งได้ดำเนินการก่อสร้างถนน 4 สายขึ้นภูเขา และสร้างวัด 4 แห่งคือ วัดชุ่ยเวย (翠微寺) วัดเสียงฝู (祥符寺) วัดฉือกวง (慈光寺) และวัดจื้อโป (擲缽禪院) เรียกว่า 4 วัดป่าใหญ่ (四大叢林) และมีพระภิกษุผู้เลื่อมใสศรัทธาจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาเยือน นับเป็นยุครุ่งเรืองที่สุดของวัดแห่งภูเขาหวงซาน พอเข้าสู่ช่วงราชวงศ์ชิง (清 ค.ศ. 1644-1912) ก็มีเพียงการบูรณะครั้งใหญ่ แต่การก่อสร้างเพิ่มเติมไม่มากนัก

——ใน ค.ศ.1932 ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการก่อสร้างแห่งภูเขาหวงซาน เพื่อดำเนินการก่อสร้าง ซ่อมแซมถนนและวัด จนหลังปฏิรูปประเทศจีนแล้ว ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1979 เติ้งเสี่ยวผิง (鄧小平 ค.ศ. 1904-1997) พร้อมด้วยเลขาธิการคณะกรรมการมณฑลอันฮุยคนแรกคือว่านหลี่ (萬里 ค.ศ. 1916-2015) เดินทางขึ้นภูเขาหวงซาน และได้มีคำกล่าวว่า ‘ต้องมีความปรารถนาและปณิธานอันยิ่งใหญ่ ถึงจะพาชื่อหวงซานออกสู่ภายนอกได้’ คณะกรรมการบริหารประจำมณฑลอันฮุยจึงเปิดประชุมครั้งใหญ่เรื่อง ‘พิจารณาด้านพัฒนาการท่องเที่ยวภูเขาหวงซาน’ และในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1979 ภูเขาหวงซานก็เปิดสู่ภายนอกอย่างเป็นทางการ จากนั้นจึงมีการปรับปรุงเส้นทางเดินบนเขาให้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ปรับปรุงเครือข่ายโทรคมนาคมให้ครอบคลุม พัฒนาโรงแรมให้มีประสิทธิภาพเหมาะกับการต้อนรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น จนมีโรงแรมและร้านอาหาร 20 แห่งในเขตชมทัศนียภาพ และกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกตราบเท่าทุกวันนี้

——ภูเขาหวงซานได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรมเพียงแห่งเดียวของประเทศจีนเมื่อ ค.ศ. 2004

 

เมืองหวงซาน

——เมืองหวงซาน (黃山市) มีชื่อเรียกในสมัยโบราณว่า เมืองซินอัน (新安) เมืองเส้อโจว (歙州) และเมืองฮุยโจว (徽州) ตามลำดับ ตั้งอยู่ทางใต้สุดของมณฑลอันฮุย (安徽) ทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับเมืองจิ่งเต๋อเจิ้น (景德鎮) และเมืองซ่างหราว (上饒) มณฑลเจียงซี (江西) ทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกับเมืองสวีโจว (衢州) และเมืองหังโจว (杭州) มณฑลเจ้อเจียง (浙江) ทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับเมืองฉือโจว (池州) ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับเมืองเซวียนเฉิง (宣城) มณฑลอันฮุย มีพื้นที่ทั้งหมด 9,807 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นภูเขาและเนินเขา แบ่งเป็นพื้นที่เขตภูเขา 5,000 ตารางกิโลเมตร เขตเนินเขา 3,540 ตารางกิโลเมตร และเขตที่ราบ 1,267 ตารางกิโลเมตร ยอดเขาเหลียนฮัว (蓮花峰 ยอดเขาดอกบัว) ของภูเขาหวงซานเป็นยอดเขาสูงสุด มีความสูงอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 1,864.8 เมตร ภูมิอากาศเป็นแบบมรสุมกึ่งเขตร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี 15.5-16.4 องศาเซลเซียส มีประชากรทั้งหมดกว่า 1 ล้านคน (ข้อมูลเมื่อปลายปี 2017)

——เมืองหวงซานเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมเก่าแก่ตั้งแต่เมื่อประมาณ 5,000 กว่าปีก่อน ผลการขุดค้นโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมที่อำเภอเส้อ (歙縣) อำเภอฉีเหมิน (祁門) พบว่าเคยมีกลุ่มคนอาศัยบริเวณนี้มาตั้งแต่ยุคหินเก่า ต่อมามีการขุดค้นพบสุสานดิน (土墩墓) 8 แห่งระหว่าง ค.ศ. 1959-1975 และพบเครื่องสำริด เครื่องปั้นดินเผา เครื่องลายครามโบราณจำนวนหนึ่ง หลังการตรวจสอบพบว่าเป็นสุสานในสมัยราชวงศ์โจวตะวันตก (西周 1046-771 ปีก่อนคริสต์ศักราช) หลักฐานที่ถูกค้นพบทั้งสุสานและสิ่งของเครื่องใช้นั้นแสดงว่า พื้นที่แห่งนี้เคยอยู่ในการครอบครองของชนเผ่าเย่ว์โบราณ (古越族)

——พื้นที่บริเวณนี้มีหลายอาณาจักรปกครองในยุคชุนชิวจ้านกว๋อ (春秋戰國 770-221 ปีก่อนคริสต์ศักราช) จวบจนจักรพรรดิจิ๋นซี (秦始皇帝 259-210 ปีก่อนคริสต์ศักราช) รวมแผ่นดินจีนเข้าด้วยกันและแบ่งเขตการปกครองเป็นแคว้น (郡縣制) ต่างๆ และให้เมืองนี้ขึ้นกับแคว้นไคว่จี (會稽郡 ปัจจุบันคือเมืองซูโจว มณฑลเจียงซู) จากนั้นได้ย้ายประชาชนไปที่บริเวณแม่น้ำซินอันเจียง (新安江) ตั้งอำเภอโย่ว (黝縣 หลังราชวงศ์ซ่งเรียกว่า อี 黟) และอำเภอเส้อ (歙縣) ขึ้นกับแคว้นจาง (鄣郡 ครอบคลุมมณฑลเจียงซู มณฑลอันฮุย และมณฑลเจ้อเจียงในปัจจุบัน) นับเป็นการแบ่งเขตการปกครองที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองหวงซาน

——ครั้งถึงยุคสามก๊ก (三國 ค.ศ. 220-280) อำเภอโย่วและอำเภอเส้อตกเป็นดินแดนในอาณัติของรัฐอู๋ (吳國) ขึ้นกับแคว้นซินตู (新都郡 ครอบคลุมพื้นที่มณฑลเจ้อเจียง มณฑลอันฮุย และมณฑลเจียงซีในปัจจุบัน) และหลังจากแคว้นอู๋ล่มสลายก็เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองซินอัน (新安郡) ตามชื่อแม่น้ำ

——ต่อมาในสมัยราชวงศ์สุย (隋 ค.ศ. 581-618) ก็เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองเส้อโจว เมื่อถึงราชวงศ์ซ่ง (宋 ค.ศ. 960-1279) เมืองเส้อโจวได้เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองฮุยโจว (徽州) คำว่า ‘ฮุย’ หมายถึง เชือก หรือมัด แสดงถึงความมุ่งหวังที่จะปกครองบ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่นหลังผ่านความวุ่นวายแตกแยกอย่างต่อเนื่องมายาวนาน จนถึงสมัยจักรพรรดิคังซี (康熙 ค.ศ. 1654-1722) จึงได้ก่อตั้งมณฑลอันฮุย และให้เมืองฮุยโจวขึ้นตรงกับมณฑลนี้นับแต่นั้นมา

——ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1983 รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ก่อตั้งเมืองหวงซาน (แต่มีฐานะแค่อำเภอ) อยู่ในความดูแลของท้องที่เมืองฮุยโจว จนถึงเดือนเมษายน ค.ศ. 1988 จึงยกฐานะหวงซานขึ้นเป็นเมืองอย่างเป็นทางการ ปกครอง 3 เขตคือ เขตถุนซี (屯溪區) เขตหวงซาน (黃山區) เขตฮุยโจว (徽州區) และมี 4 อำเภอคือ อำเภอเส้อ อำเภอซิวหนิง (休寧) อำเภอฉีเหมิน และอำเภออี

——นอกจากประวัติศาสตร์อันยาวนานแล้ว เมืองหวงซานยังเป็นแหล่งกำเนิดวัฒนธรรมฮุยโจวที่สำคัญ เช่น อาหารฮุยโจว (徽菜) สิ่งปลูกสร้างแบบฮุยโจว (徽派建築) ศิลปะการจัดต้นไม้ในกระถาง (บอนไซ) แบบฮุยโจว (徽派盆景) ฯลฯ ซึ่งได้รับการอนุรักษ์และยังปรากฏให้เห็นตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น สิ่งปลูกสร้างแบบฮุยโจวที่หมู่บ้านหงชุน ทั้งยังเป็นที่ตั้งของภูเขาหวงซานอันยิ่งใหญ่และตระการตาของประเทศจีนด้วย

 


[1] ภูเขาทั้ง 5 คือ ภูเขา 5 แห่งอันเป็นที่เลื่องลือของประเทศจีน ประกอบด้วย ด้านเหนือคือภูเขาเหิงซาน (恆山) ด้านใต้คือภูเขาเหิงซาน (衡山) ด้านตะวันออกคือภูเขาไท่ซาน (泰山) ด้านตะวันตกคือภูเขาหัวซาน (華山) และตรงกลางคือภูเขาซงซาน (嵩山)

[2] หนึ่งร้อยจ้าง (百丈) เท่ากับประมาณ 333.333 เมตร