เว่ยเจิงยอดนักค้าน คู่รักคู่แค้นพระเจ้าถังไท่จง

เรื่องโดย ผศ.ถาวร สิกขโกศล


—–เว่ยเจิง (魏徵 ค.ศ. 580-643) เสียงจีนแต้จิ๋วว่า งุยเต็ง เป็นยอดนักค้านคู่รักคู่แค้นของพระเจ้าถังไท่จง (唐太宗 ค.ศ. 598-649)  เติบโตในยุคจลาจลช่วงปลายราชวงศ์สุย (隋 ค.ศ. 581-618) ต้องเปลี่ยนนายหลายครั้งตามสภาพการเมืองแล้วได้เป็นคนสนิทของหลี่เจี้ยนเฉิง (李建成 ค.ศ. 589-626) รัชทายาทผู้เป็นพี่ร่วมมารดากับหลี่ซื่อหมิน (李世民 ภายหลังเป็นพระเจ้าถังไท่จง) หลี่เจี้ยนเฉิงหวาดระแวงหลี่ซื่อหมินจึงวางยาพิษ เดชะบุญหลี่ซื่อหมินรอดมาได้แล้วซุ่มทัพจับหลี่เจี้ยนเฉิงฆ่า เว่ยเจิงเป็นผู้ต้องหา ถังไท่จงกริ้วถามว่า “ทำไมท่านร่วมคิดวางยาพิษเรา” เว่ยเจิงตอบว่า “สุนัขย่อมรับใช้เจ้านายตนอย่างซื่อสัตย์” ในที่สุดหลี่ซื่อหมินรับเว่ยเจิงไว้เป็นที่ปรึกษา

เว่ยเจิง

—–เมื่อพระเจ้าถังไท่จงครองราชย์แล้ว เว่ยเจิงทำบันทึกค้านเรื่องสำคัญถึง 200 กว่าเรื่อง บางครั้งโต้แย้งกันในที่ประชุมขุนนางอย่างรุนแรง จนครั้งหนึ่งพระเจ้าถังไท่จงเสด็จกลับเข้าตำหนักด้วยอาการกริ้วมาก รับสั่งกับจ่างซุนฮองเฮาพระอัครมเหสีว่า “วันนี้ถ้าไม่สะกดกลั้นแล้วต้องโบยไอ้แก่เว่ยเจิงหนักแน่ มันค้านหักหน้าข้าหลายครั้งแล้ว” ฮองเฮาได้ฟังก็รีบแต่งชุดพระอัครมเหสีเต็มยศถวายพระพรว่า “พระองค์มีบุญญาธิการ จึงมีขุนนางสุจริตกล้าทูลคัดค้าน มิให้ทรงหลงผิดไปตามความคิดของตนหรือคนสอพลอ” พระเจ้าถังไท่จงทรงฟังก็ได้สติหายกริ้ว

—–เว่ยเจิงคงจะเป็นคนขวานผ่าซากและกล้าต่อสู้กับความไม่ถูกต้องโดยไม่เห็นแก่หน้า ในนิยายเรื่องไซอิ๋วเรียก งุยเต็ง ตามเสียงภาษาจีนแต้จิ๋ว และแต่งเรื่องเติมว่าเป็นตาของพระถังซำจั๋ง ได้รับมอบหมายจากสวรรค์ให้ประหารพญามังกรตามเวลาที่สวรรค์กำหนด พญามังกรไปเข้าฝันพระเจ้าถังไท่จงขอให้ช่วยตน พระเจ้าถังไท่จงจึงชวนงุยเต็งมาเล่นหมากรุกไม่ให้ปลีกตัวไปได้ แต่พอถึงเวลาที่สวรรค์กำหนดงุยเต็งงีบหลับไปแวบเดียวก็มีศีรษะมังกรตกลงมา แท้จริงงุยเต็งถอดจิตไปประหารนั่นเอง รักษาหน้าที่ไม่ให้เสียทั้งสองทาง ในนิยายไซอิ๋วมีเรื่องต่อเนื่องไปอีกอย่างสนุกสนาน สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้

—–ตำแหน่งสุดท้ายเว่ยเจิงเป็นราชเลขาธิการได้ทำงานเพื่อบ้านเมืองเต็มที่ เมื่อเขาถึงแก่อสัญกรรม พระเจ้าถังไท่จงเสียพระทัยมาก พงศาวดารราชวงศ์ถังฉบับเก่า (旧唐书) บทประวัติเว่ยเจิงบันทึกไว้ว่า เมื่อเว่ยเจิงล่วงลับ พระเจ้าถังไท่จงเสียพระทัยรับสั่งว่า

—–ใช้สำริดขัดเงาเป็นคันฉ่อง ก็ส่องจัดมาลาอาภรณ์ได้”

—–ใช้เรื่องเก่า (ประวัติศาสตร์) เป็นคันฉ่อง ก็มองเห็นความเจริญความเสื่อมของอดีตได้

—–ใช้คนเป็นคันฉ่อง ก็สะท้อนเห็นความถูกผิดของตนได้

—–ถ้อยคำดังกล่าวกลายเป็นอมตะวาจาที่คนจีนใช้เป็นสุภาษิตเตือนใจกันมายาวนานพันกว่าปี