(2023年11月刊)
คำจีนใช้สนุก 有趣的词语
chāi dōng qiáng bǔ xī qiáng
สำนวน 拆 东 墙 补 西 墙
แปลทีละคำศัพท์ รื้อ ตะวันออก กำแพง โปะ ตะวันตก กำแพง
รื้อกำแพงตะวันออกเพื่อเอาไปโปะกำแพงตะวันตก
แปลเอาความ ยืมจากเจ้านี้ไปใช้คืนเจ้าโน้น / หยิบยืมเพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ / ขาดสภาพคล่องทางการเงิน
คำอธิบายเพิ่มเติม เป็นสำนวนภาษาปาก ใช้เรียกวิธีการรับมือกับสถานการณ์ฝืดเคืองเฉพาะหน้า โดยขอแค่ให้ผ่านไปได้แบบถูๆ ไถๆ ส่วนใหญ่สถานการณ์เหล่านั้นมักจะสื่อถึงเรื่องเงินทอง สำนวนนี้จึงมักใช้กับคนที่ตกอยู่ในสภาวะอัตคัดขัดสน
ตัวอย่าง
- 他欠几家银行的债,现在只好拆东墙补西墙。
Tā qiàn jǐ jiā yín háng de zhài, xiàn zài zhǐ hǎo chāi dōng qiáng bǔ xī qiáng.
เขาติดหนี้ธนาคารหลายแห่ง ตอนนี้ได้แต่ยืมจากเจ้านี้ไปใช้คืนเจ้าโน้น
- 该公司借新账还旧账,财务状况属于拆东墙补西墙。
Gāi gōng sī jiè xīn zhàng huán jiù zhàng, cái wù zhuàng kuàng shǔ yú chāi dōng qiáng bǔ xī qiáng.
บริษัทนี้ยืมเงินจากเจ้าหนี้รายใหม่เพื่อคืนให้เจ้าหนี้รายเก่า สถานะทางการเงินอยู่ในสภาพหยิบยืมเพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ
- 靠着拆东墙补西墙的办法,他竟然度过了那段苦日子。
Kào zhe chāi dōng qiáng bǔ xī qiáng de bàn fǎ, tā jìng rán dù guò le nà duàn kǔ rì zi.
อาศัยวิธียืมเจ้านี้ไปใช้คืนเจ้าโน้น เขาผ่านพ้นวันเวลาที่ยากลำบากช่วงนั้นมาแล้ว
- 银行利率升高造成不少债户开始拆东墙补西墙。
Yín háng lì lǜ shēng gāo zào chéng bù shǎo zhài hù kāi shǐ chāi dōng qiáng bǔ xī qiáng.
การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยธนาคารทำให้ลูกหนี้หลายรายเริ่มขาดสภาพคล่องทางการเงิน
สนทนาพาที常用口语
…哪能…
…nǎ néng…
…จะ…ได้อย่างไร… / …จะ…ได้ยังไง…
คำอธิบาย
——โครงสร้างประโยค ‘…哪能…’ ใช้ในการย้อนถามเพื่อเน้นย้ำสิ่งที่พูดถึง โดยต้องการ หรือไม่ต้องการคำตอบก็ได้ และบางสถานการณ์จะแฝงนัยประชดประชันเล็กน้อย เช่น 1.เขากลัวเธอขนาดนั้น จะพูดโกหกกับเธอได้ยังไง 2.เงินที่หามาด้วยความยากลำบาก จะใช้สุรุ่ยสุร่ายอย่างนี้เหมือนคุณได้ยังไง
ในที่นี้สามารถใช้ ‘…怎么能…’ (…zěn me néng…) แทนได้
‘…哪能…’ และ ‘…怎么能…’ มีความหมายว่า ‘ …จะ…ได้อย่างไร… ‘ ‘ …จะ…ได้ยังไง…’
ตัวอย่างประโยค
- 他那么怕你,哪能跟你说谎呢?
Tā nà me pà nǐ,nǎ néng gēn nǐ shuō huǎng ne?
เขากลัวเธอขนาดนั้น จะพูดโกหกกับเธอได้ยังไง
- 辛辛苦苦赚来的钱,哪能像你这么乱花呢?
Xīn xīn kǔ kǔ zhuàn lái de qián,nǎ néng xiàng nǐ zhè me luàn huā ne?
เงินที่หามาด้วยความยากลำบาก จะใช้สุรุ่ยสุร่ายอย่างนี้เหมือนคุณได้ยังไง
- 大家努力得来的研究成果,哪能由你一个人申请注册专利权?
Dà jiā nǔ lì dé lái de yán jiū chéng guǒ,nǎ néng yóu nǐ yī gè rén shēn qǐng zhù cè zhuān lì quán?
ผลงานวิจัยที่ได้มาจากความพยายามของทุกคน จะให้คุณยื่นขอจดสิทธิบัตรเพียงคนเดียวได้อย่างไร
ตัวอย่างบทสนทนา
(A กับ B กำลังคุยกันเรื่องเพื่อนชายของ B)
A: 薪水这么高的工作,他哪能不肯去干呢?
Xīn shuǐ zhè me gāo de gōng zuò,tā nǎ néng bù kěn qù gàn ne?
งานที่เงินเดือนสูงขนาดนี้ เขาจะไม่ยอมไปทำได้ยังไง
B: 不一定,他这人一贯挑剔,对我这个女朋友也一样!
Bù yī dìng,tā zhè rén yī guàn tiāo tī, duì wǒ zhè gè nǚ péng yǒu yě yī yàng!
ไม่แน่หรอก เขาคนนี้ช่างเลือกช่างติมาแต่ไหนแต่ไร กับฉันซึ่งเป็นแฟนก็เหมือนกัน!
A: 你对他这么好,哪能挑得出缺点来?
Nǐ duì tā zhè me hǎo,nǎ néng tiāo dé chū quē diǎn lái.
เธอดีกับเขาขนาดนี้ จะหาข้อเสียออกมาได้ยังไง
B: 别提了!我又哪能完全猜透他的心思呢?
Bié tí le!Wǒ yòu nǎ néng wán quán cāi tòu tā de xīn sī ne?
อย่าพูดถึงเลย ฉันจะเดาใจเขาทั้งหมดได้ยังไง
假如…就…
jiǎ rú…jiù…
ถ้า…ก็…
คำอธิบาย
——โครงสร้างประโยค ‘假如…就…’ ใช้ในกรณีสมมุติเหตุการณ์ว่า ถ้าหากเกิดเหตุการณ์หรือเรื่องราวตามที่กล่าวขึ้นจริง ผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร เช่น 1.ถ้าวันนี้ไม่สบายก็อย่าไปทำงานเลย 2.ถ้าเขาไม่สามารถมารับพวกเราได้
พวกเราก็เรียกแท็กซี่ไปสนามบินเอง
‘假如…就…’ มีความหมายว่า ‘ถ้า…ก็…’
ตัวอย่างประโยค
- 假如今天不舒服就别去上班了。
Jiǎ rú jīn tiān bù shū fú jiù bié qù shàng bān le.
ถ้าวันนี้ไม่สบายก็อย่าไปทำงานเลย
- 假如他不能来接我们,我们就自己打的去机场。
Jiǎ rú tā bù néng lái jiē wǒ men,wǒ men jiù zì jǐ dǎ dí qù jī chǎng.
ถ้าเขาไม่สามารถมารับพวกเราได้ พวกเราก็เรียกแท็กซี่ไปสนามบินเอง
- 假如没有得到你的帮助,这件事情就不会成功。
Jiǎ rú méi yǒu dé dào nǐ de bāng zhù,zhè jiàn shì qíng jiù bú huì chéng gōng.
ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคุณ เรื่องนี้ก็ไม่อาจประสบความสำเร็จ
ตัวอย่างบทสนทนา
(A เป็นนักศึกษาไทยที่กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง โทรศัพท์หา B ซึ่งเป็นเพื่อนชาวจีน)
A: 假如我提前下课就去找你,可你工作的药店在哪儿?
Jiǎ rú wǒ tí qián xià kè jiù qù zhǎo nǐ,kě nǐ gōng zuò de yào diàn zài nǎ ér?
ถ้าฉันเลิกเรียนก่อนเวลาก็จะไปหาคุณ แต่ร้านขายยาที่คุณทำงานอยู่ที่ไหนหรือ
B: 你从学校北门出去,往右走三百米,再往左拐就看见药店了。
Nǐ cóng xué xiào běi mén chū qù,wǎng yòu zǒu sān bǎi mǐ,zài wǎng zuǒ guǎi jiù kàn jiàn yào diàn le.
คุณออกจากประตูด้านเหนือของโรงเรียน เดินไปทางขวาอีกสามร้อยเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายก็จะเห็นร้านยา
A: 好吧,假如我迷路了就给你打电话。
Hǎo ba, jiǎ rú wǒ mí lù le jiù gěi nǐ dǎ diàn huà.
ได้ ถ้าฉันหลงทางก็จะโทรศัพท์หาคุณ
B: 行,没问题。
Xíng, méi wèn tí.
ได้เลย ไม่มีปัญหา
ชี้แจงแถลงไขเกี่ยวกับ “เจียว”
——สืบเนื่องจากจดหมายข่าวอาศรมสยาม-จีนวิทยา ฉบับที่ 28 (ธันวาคม 2547) ที่ได้เผยแพร่บทความเรื่อง “คำทับศัพท์ภาษาไทยที่มาจากภาษาจีน” โดยมีข้อความกล่าวถึงที่มาของคำว่า “เจียว” ไว้ดังนี้
——“…คำว่าเจียวไม่ใช่คำไทย แต่เป็นคำที่ยืมมาจากภาษาจีน เพียงแต่คำว่า 焦 Jiāo (สำเนียงแต้จิ๋วออกเสียงเจียว) ในภาษาจีนเป็นคำคุณศัพท์ หมายถึงความกรอบไหม้ของอาหารหรือสิ่งของทั่วไป ถ้าเป็นอาหาร ส่วนมากจะใช้น้ำมันร้อนที่มีปริมาณไม่มาก เชื่อว่าคำที่ถูกคนไทยนำเข้ามาใช้ก่อนคือ ไข่เจียว…”
——ข้อความดังกล่าวนี้ เป็นเหตุให้ผู้สนใจความรู้ด้านภาษาจีนหลายท่านและหน่วยงานหลายแห่งนำไปอ้างอิงและเผยแพร่ต่อ ทว่าในภายหลังมีผู้รู้ช่วยชี้แนะทางอาศรมสยาม-จีนวิทยาว่า ผู้เขียนบทความข้างต้นนี้มีความเข้าใจในประเด็นดังกล่าวคลาดเคลื่อนไป ดังนั้นอาศรมสยามฯ จึงขออนุญาตนำเสนอข้อมูลใหม่สำหรับการเรียนรู้มาแบ่งปันกันอีกครั้ง
——พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได้ให้ความหมายของ “เจียว” ว่า “ทอดมันสัตว์เพื่อเอานํ้ามัน เช่น เจียวนํ้ามันหมู, ทอดของบางอย่างด้วยนํ้ามัน เช่น เจียวไข่ เจียวหอม เจียวกระเทียม”[1] (ราชบัณฑิตยสถาน, 2554: Online) ทั้งนี้ มีการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมและพบว่า “เจียว” น่าจะเป็นคำยืมที่มาจากคำว่า 煎 Jiān ในภาษาจีน
——หนังสือเรื่อง “ภาษาไทย ภาษาจีน” ได้ระบุความหมายของ “เจียว” ว่า “น. ทอดเปลวสัตว์เอาน้ำมัน, ทอดด้วยน้ำมัน ภาษาจีน 煎 อ่านว่าเจียง (ต.จ.) แปลว่าเจียว”[2] (เฉลิม ยงบุญเกิด, 2516: 15) สอดคล้องกับคำแปลของคำว่า煎จากหนังสือเรื่อง “ศัพท์และสำนวนจีนเกี่ยวกับอาหารการกิน” เรียบเรียง โดยอาศรมสยามฯ ที่ว่า “การทอดด้วยน้ำมันน้อยๆ ให้ผิวด้านนอกสุกกรอบเป็นสีเหลือง”[3]
ทั้งนี้ เมื่อศึกษาภาษาแต้จิ๋วจะพบว่าคำว่า “煎” ในสำเนียงแต้จิ๋วสามารถอ่านได้ 2 เสียง คือ
- “เจียง” อันหมายถึงวิธีการปรุงอาหารวิธีหนึ่งของจีน คือการทอดโดยใช้น้ำมันน้อย คนไทยส่วนมากจะรู้จักในคำว่า “เจี๋ยน” เช่น ปลาเจี๋ยน (半煎煮鱼)[4] เป็นอาทิ
- “จัว” หมายถึงการเคี่ยว หรือการเคี่ยวให้น้ำออก เช่น จัวตือล้า (煎猪腊) ซึ่งก็คือการเคี่ยวเอาน้ำมันหมูออก
คนไทยมักเรียกว่า “เจียวน้ำมันหมู”
——หากอ้างอิงตามการออกเสียงและความหมายทั้งสองประการข้างต้นนั้น จะพบว่า คำว่า “เจียวไข่” หรือ “ไข่เจียว” ย่อมต้องมีที่มาจากคำว่า 煎 เช่นกัน เนื่องจากไข่เจียวแบบดั้งเดิมจะใช้น้ำมันไม่มาก แค่พอไม่ให้ไข่ติดกระทะหรือฟูเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มิได้ทอดด้วยน้ำมันท่วมจนผิวกรอบดังที่เห็นในปัจจุบัน
——อนึ่ง การที่คนไทยออกเสียงว่า “เจียว” แทนที่จะเป็น “เจียง” หรือ “จัว” นั้น เกิดจากการกลายเสียงระหว่างภาษา
โดยมี 2 ความเป็นไปได้คือ
- มาจากคำว่า “เจียง”: พยัญชนะ “ง.” เป็นเสียงนาสิก ส่วนพยัญชนะ “ว.” เป็นอรรธสระหรือเสียงกึ่งสระกึ่งพยัญชนะ ซึ่งกลายเสียงง่ายด้วยกันทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ “เจียง” จึงกลายเสียงเป็น “เจียว” ในภาษาไทย
- มาจากคำว่า “จัว”: โดยเสียง “สระอัว” สามารถกลายเป็น “สระเอีย” ได้เช่นกัน
——ทั้งนี้ คำว่า 焦 Jiāo ในภาษาจีนที่กล่าวถึงในตอนต้นของบทความนั้น เป็นเพียงคำวิเศษณ์ หมายถึง “ไหม้” ไม่ใช่คำกริยา และไม่ใช่วิธีการปรุงอาหารของจีนแต่อย่างใด จึงเป็นไปได้ยากที่จะกลายมาเป็นคำว่า “เจียว” ในภาษาไทย
——ดังนั้น ข้อสันนิษฐานที่ว่าคำไทยซึ่งออกเสียงว่า “เจียว” เป็นคำยืมมาจากคำว่า “煎” (ภาษาจีนกลางออกเสียงว่า เจียน) จึงมีความเป็นไปได้สูงกว่า
——อย่างไรก็ตาม ทางอาศรมสยาม-จีนวิทยาต้องขออภัยทุกท่านเป็นอย่างสูงสำหรับข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ขณะเดียวกันก็ยินดีน้อมรับคำแนะนำจากผู้รู้ในสังคม รวมทั้งประชาชนทั่วไป เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาด และพัฒนาคุณภาพของข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุดส่งมอบแก่สังคมไทยต่อไป
[1] ราชบัณฑิตยสถาน. (2554). พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554. [ออนไลน์] สืบค้นจาก https://dictionary.orst.go.th/ (24 สิงหาคม 2566)
[2] เฉลิม ยงบุญเกิด. (2516). ภาษาไทย ภาษาจีน. กรุงเทพมหานคร: ครุสภาลาดพร้าว. หน้า 15.
[3] อาศรมสยาม-จีนวิทยา. (2558). ศัพท์และสำนวนจีนเกี่ยวกับอาหารการกิน. กรุงเทพมหานคร: สุขภาพใจ. หน้า 32.
[4] อาศรมสยาม-จีนวิทยา. (2558). ศัพท์และสำนวนจีนเกี่ยวกับอาหารการกิน. กรุงเทพมหานคร: สุขภาพใจ. หน้า 33.