—–‘ฮองเฮาจ่างซุน’ (長孫皇后 ค.ศ. 601-636) พื้นเพเป็นคนเมืองลั่วหยาง (洛陽) ในมณฑลเหอหนาน (河南) เป็นบุตรีของแม่ทัพจ่างซุนเซิ่ง (長孫晟) ผู้กล้าหาญแห่งราชวงศ์สุย เป็นน้องสาวร่วมมารดากับจ่างซุนอู๋จี้ (長孫無忌) อัครมหาเสนาบดีแห่งราชวงศ์ถัง และยังเป็นอัครมเหสีของฮ่องเต้ถังไท่จง (唐太宗 ค.ศ. 598-649) หรือชื่อเดิมหลี่ซื่อหมิน (李世民) อีกด้วย —–แซ่สองพยางค์ ‘จ่างซุน’ (長孫) เป็นแซ่ของผู้ดีมีชาติตระกูลอันโด่งดังในสมัยสุยและถัง และเป็นแซ่พระราชทานจากฮ่องเต้เซี่ยวเหวินตี้ (孝文帝 ค.ศ.467-499) แห่งราชวงศ์เป่ยเว่ย อีกทั้งแซ่นี้ยังจัดอยู่ในหมวดหมู่ราชสกุลอีกด้วย เมื่อพระนางมีชันษาเพียง 13 ปี ก็ได้สมรสกับองค์รัชทายาทหนุ่มนามว่าหลี่ซื่อหมิน ซึ่งขณะนั้นกำลังขึ้นเหนือล่องใต้เพื่อทำศึกสงคราม พระชายาจ่างซุนก็ติดตามพระสวามีไปทุกหนทุกแห่งและใช้ฐานันดรพระชายาขององค์รัชทายาทบำรุงขวัญกำลังใจเหล่าทหารหาญอยู่เสมอ อีกทั้งพยายามสนับสนุนพระสวามีอย่างเต็มกำลัง ต่อมาใน ค.ศ. 626 หลี่ซื่อหมินได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ถังไท่จง พระองค์ก็ทรงแต่งตั้งพระชายาจ่างซุนขึ้นเป็นฮองเฮาจ่างซุน —–ตลอดพระชนม์ชีพของฮองเฮาจ่างซุนนั้น ‘ความประเสริฐ’ และ ‘คุณธรรม’ ของพระนางเป็นที่เลื่องชื่อลือนาม และแม้ว่าพระนางจะมีฐานันดรสูงส่งเป็นถึงฮองเฮา แต่ก็ไม่เคยหยิ่งยโสโอหัง ในชีวิตประจำวันพระนางอยู่อย่างสมถะเรียบง่ายและประหยัดมัธยัสถ์ สิ่งที่พระนางต้องประสงค์ เพียงแค่พอใช้ก็พอ สำหรับพระบิดาของหลี่ซื่อหมิน ซึ่งทรงชราภาพและว่างเว้นจากพระราชกิจแล้ว พระนางก็ทรงทุ่มเทดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี เช้าเย็นทรงเข้าเฝ้าคารวะไม่เคยขาด ส่วนเหล่าพระสนมทั้งหลาย พระนางก็ทรงมีน้ำพระทัยกว้างขวางและทรงดูแลเหล่าพระสนมอย่างทั่วถึง เมื่อพระสนมองค์ใดเจ็บไข้ได้ป่วย พระนางก็จะทรงใช้คนนำยาไปให้และยังเสด็จเยี่ยมด้วยพระองค์เองอีกด้วย และส่วนองค์ชายทั้งหลาย พระนางทรงอบรมสั่งสอนอย่างเข้มงวด พร้อมผลักดันให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน และยังเตือนสติให้องค์ชายทุกพระองค์ยึดเอาความอ่อนน้อมถ่อมตน ความสุภาพ และการประหยัดมัธยัสถ์มาเป็นอันดับแรก —–ฮองเฮาจ่างซุนได้รับการศึกษาอย่างดีตั้งแต่เยาว์วัย จึงทรงรู้หนังสือและอ่านออกเขียนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีพระราชวินิจฉัยที่เฉียบคมมองปัญหาได้อย่างทะลุปรุโปร่งและเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างถ่องแท้ ฮ่องเต้ถังไท่จงจึงทรงไต่ถามความเห็นเรื่องการบริหารกิจการบ้านเมืองกับพระนางอยู่เสมอ แต่ทว่าพระนางไม่ทรงประสงค์จะใช้ฐานันดรศักดิ์ของตนเองแทรกแซงกิจการของบ้านเมือง ดังนั้นจึงทรงบอกปัดไปว่า “ชายหญิงนั้นแตกต่างกัน ต่างฝ่ายต่างควรทำหน้าที่ของตนเอง” ทุกครั้งที่ฮ่องเต้ถังไท่จงทรงไต่ถามความเห็น พระนางมักจะทรงพูดกล่อมให้พระสวามีเชื่อมั่นในตัวขุนนางที่ปรึกษาและนักปราชญ์ผู้ทรงคุณธรรมในราชสำนัก และพยายามให้รับเอาความเห็นของขุนนางผู้ใหญ่มาใช้ แต่ถึงกระนั้นแล้ว คุณธรรมและความสามารถของฮองเฮาจ่างซุนก็ยังคงส่งผลบวกต่อพระราชวงศ์และการปกครองบ้านเมืองของฮ่องเต้ถังไท่จง จนถึงขนาดอนุชนขนานนามฮองเฮาจ่างซุนเป็น ‘อัครมเหสีผู้ประเสริฐแห่งยุค’ —–ใน ค.ศ. 636 ฮองเฮาจ่างซุนเสด็จสวรรคตเนื่องด้วยพระอาการประชวร สิริรวมพระชนมายุได้ 36 พรรษา ฮ่องเต้ถังไท่จงทรงเสียพระราชหฤทัยยิ่งนัก จึงมีพระบรมราชโองการให้สร้างหลุมฝังพระศพนามว่าเจาหลิง บริเวณโดยรอบมีหอสูงและที่พักอาศัย แล้วทรงส่งคนในวังไปเฝ้าอารักขาหลุมฝังพระศพ ดังเช่นเมื่อครั้งฮองเฮาจ่างซุนยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ ซึ่งนี่ก็แสดงให้เห็นว่าฮองเฮาจ่างซุนยังคงประทับอยู่ในพระราชหฤทัยของฮ่องเต้ถังไท่จงเสมอมา