หลานไฉ่เหอ: ข้อถกเถียงว่าด้วยตัวตนและเพศสภาพของเซียนตะกร้าดอกไม้
เรื่องโดย พลพัธน์ ภูรีสถิตย์
—–หลานไฉ่เหอ (藍采和 สำเนียงแต้จิ๋วออกเสียงว่า “หน่าไฉฮั้ว”) เป็นนามของเซียนตนหนึ่งในคณะแปดเซียน (八仙 ปาเซียน หรือ โป๊ยเซียน) มีภาพลักษณ์เป็นเซียนวัยหนุ่ม1 ผูกผมสองจุก สวมเสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่ง ในมือถือตะกร้าดอกไม้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนการป้องกันและบรรเทาโรคภัย ในปัจจุบัน หลานไฉ่เหอเป็นเซียนที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการตั้งคำถามถึง “ตัวตน” และ “เพศสภาพ” ที่แท้จริงของเขา
- ตัวตนที่แท้จริงของ “หลานไฉ่เหอ”
—–มีเรื่องราวกล่าวขานมากมายเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของหลานไฉ่เหอ บ้างว่าท่านมีตัวตนจริงอยู่ในสมัยราชวงศ์ถัง (唐 ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907) บ้างว่าเป็นกวีแห่งมณฑลเจ้อเจียงในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ (南宋 ค.ศ. 1127 – 1279) บ้างก็ว่าเคยเป็นเซียนเท้าเปล่า (赤腳大仙) และจุติจากสวรรค์ลงมาเกิดในโลกมนุษย์ช่วงต้นราชวงศ์ถัง
—–ตำนานว่าด้วยเซียนทั้งหลายเริ่มได้รับการบันทึกมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หนานถัง (南唐 ค.ศ. 937 – 975) ในบันทึกซี่ว์เซียนจ้วน《續仙傳》ของเสิ่นเฝิน (沈汾) ซึ่งกล่าวถึงเรื่องราวของคนธรรมดา 36 คนที่บรรลุเซียนด้วยหลากหลายวิธี บันทึกนี้บรรยายว่า “หลานไฉ่เหอ” เป็นวณิพกในสมัยราชวงศ์ถัง ชอบเดินเท้าเปล่าข้างเดียว สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง รัดเอวด้วยกิ่งไม้สีดำ ขับร้องลำนำแฝงปรัชญาชีวิตเร่ขอเงินตามถนนหนทาง พลางตีกรับไม้บอกจังหวะ ผู้คนฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ล้วนได้รับความสนุกสนาน เมื่อได้เงินพอยาไส้ท่านก็นำไปซื้อสุรามาดื่มจนเมามาย หรือไม่ก็แจกจ่ายแก่คนยากจน บางครั้งก็นำเหรียญมาร้อยเชือกเป็นพวงแล้วลากไปตามทาง ปล่อยให้เหรียญตกเรี่ยรายโดยไม่นำพา
—–หลานไฉ่เหอมักมีพฤติกรรมแปลกประหลาดผิดมนุษย์มนา เช่น สวมรองเท้าเพียงข้างเดียว สวมเสื้อผ้าหนาในหน้าร้อน ทว่ากลับไม่มีเหงื่อออก เมื่อถึงหน้าหนาวก็นอนบนกองหิมะ แต่กลับมีไอตัวหรือความร้อนที่ระเหยจากร่างกาย นอกจากนี้ ลักษณะเด่นของหลานไฉ่เหอก็คือมีใบหน้าอ่อนกว่าวัย ผู้เฒ่าแถวนั้นต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าหลานไฉ่เหอมีรูปโฉมเฉกเช่นที่เคยพบพานตอนเด็ก กล่าวกันว่า วันหนึ่งขณะที่หลานไฉ่เหอเมาหัวราน้ำในร้านเหล้า จู่ๆ เสียงดนตรีอันไพเราะก็ประโคมมาจากฟากฟ้า เมื่อผู้คนแหงนมองก็เห็นหลานไฉ่เหอทรงตัวอยู่บนก้อนเมฆ และค่อยๆ ลอยหายไป ทิ้งไว้เพียงเสื้อผ้า สายรัดเอว และกรับไม้
—–“บันทึกซี่ว์เซียนจ้วน” ถือว่าเป็นต้นแบบที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับหลานไฉ่เหออย่างสมบูรณ์ ส่วนบันทึกตำนานเซียนอีกหลายฉบับในสมัยต่อมา ตั้งแต่ราชวงศ์ซ่ง (宋 ค.ศ. 960 – 1279) จนถึงราชวงศ์หมิง (明 ค.ศ. 1368 – 1644) ต่างก็แต่งเติมโดยอิงเค้าโครงดั้งเดิมเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ของตัวละคร เรื่องราวพิสดาร รวมถึงพฤติกรรมพิลึกพิลั่นของหลานไฉ่เหอ
—–ประวัติอันคลุมเครือของหลานไฉ่เหอจากบันทึกเล่มต่างๆ ทำให้เกิดการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ “การมีอยู่จริง” ของเซียนตนนี้ โดยมากนักประวัติศาสตร์และนักเทววิทยามักอนุมานเอาว่า หลานไฉ่เหอน่าจะเป็นบุคคลที่มีชีวิตอยู่จริงในสมัยราชวงศ์ถัง ผู้รู้หลายท่านอย่าง หลงกุ่น (龍袞) ชาวราชวงศ์ซ่งผู้บันทึกเรื่องเฉินเถาสำเร็จเซียน《陳陶得仙》รวบรวมอยู่ในหนังสือเกร็ดประวัติศาสตร์เจียงหนาน《江南野史》รวมทั้งหม่าลิ่ง (馬令) นักประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ (北宋 ค.ศ. 960 – 1127) และลู่โหยว
(陸游 ค.ศ. 1125 – 1210) กวีสมัยซ่งใต้ ต่างสันนิษฐานว่า ตัวตนที่แท้จริงของหลานไฉ่เหอคือ เฉินเถา (陳陶ค.ศ. 812 – 885) กวีเรืองนามแห่งนครฉางอันสมัยราชวงศ์ถัง
—–นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวกล่าวขานเกี่ยวกับการฝึกวิถีเซียนและบำเพ็ญพรตตามแนวคิดเต๋าของเฉินเถา กล่าวกันว่าเฉินเถาผิดหวังจากการสอบเข้ารับราชการครั้งแล้วครั้งเล่า จึงปลีกวิเวกเร้นกายอยู่ในหุบเขา ในบั้นปลายชีวิตท่านมักพาภรรยาและลูกชายไปเสาะหาสมุนไพร อีกทั้งกิน “ยาอายุวัฒนะ” กันเป็นประจำ
—–ตำนานเล่าว่า ในรัชศกไคเป่า (開寶) ราชวงศ์ซ่งเหนือ มีคนตัดฟืนผู้หนึ่งได้พบเฉินเถาในหุบเขาลึก และกลับมาบอกเหล่าชาวบ้านว่า เฉินเถาดูสุขสบายดี2 ต่อมาราวค.ศ. 972 มีคนเห็นชาย-หญิงชราคู่หนึ่งขายยาสมุนไพรในตลาด ครั้นได้เงินก็เอาไปซื้อสุรามาดื่ม พลางร้องเพลงเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ไม่หวั่นไหวต่อสายตาคนรอบข้าง เพลงที่สองผู้เฒ่าขับขานมีคำร้องว่า “หลานไฉ่เหอ หลานไฉ่เหอ เรื่องวุ่นในโลกามีมากมาย มิสู้ขายยาซื้อสุราดื่ม กลับสู่ภูผาปรบมือร้องเพลง” (籃采禾,籃采禾,塵事紛紛事更多。爭如賣藥沽酒飲,歸去深崖拍手歌。) คนที่พอรู้เรื่องราวของเฉินเถามาเลาๆ จึงคาดเดาได้ว่าพวกท่านก็คือเฉินเถากับภรรยา3 แม้ว่าเฉินเถาในขณะนั้นมีอายุประมาณ 160 ปีแล้ว แต่สภาพร่างกายยังแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ อีกทั้งสามารถเดินทางไกลเพื่อเก็บสมุนไพรจากภูเขาแล้วนำไปขายในเมือง ถือเป็นบทพิสูจน์อันดีงามถึงความสำเร็จในการบําเพ็ญพรตของเฉินเถา
—–อย่างไรก็ตามบทละครจ๋าจี้ว์ (雜劇) เรื่องฮั่นจงหลีพาหลานไฉ่เหอบรรลุเซียน《漢鍾離度脫藍采和》สมัยราชวงศ์หยวน (元 ค.ศ. 1271 – 1368) กลับให้ข้อมูลว่า แท้ที่จริงแล้วหลานไฉ่เหอมีนามว่า สี่ว์เจียน (許堅) นามรองป๋อทง (伯通) ส่วน “หลานไฉ่เหอ” เป็นเพียงนามแฝงที่ใช้ในการแสดงเท่านั้น แต่ในบทละครยังคงกล่าวว่าหลานไฉ่เหอเป็นวณิพกที่ร้องเพลงเลี้ยงชีพไปตามท้องที่ต่างๆ กระทั่งวันหนึ่งจึงมีวาสนาได้พบกับจงหลีเฉวียน (鍾離權)4 ผู้ซึ่งคอยชี้แนะสั่งสอนจนหลานไฉ่เหอสามารถบรรลุเซียนได้ในที่สุด อนึ่งบันทึกตระกูลหลาน (藍氏族譜) บางสายในมณฑลอันฮุย ได้บันทึกไว้ว่า หลานไฉ่เหอเคยเป็นบัณฑิตที่เข้าสอบจนได้เป็นจิ้นซื่อ (進士) ในสมัยราชวงศ์ถัง รัชกาลถังเกาจง (唐高宗 ค.ศ. 628 – 683) แต่เบื่อหน่ายการแก่งแย่งชิงดีในวงราชการ จึงปลีกวิเวกไปบำเพ็ญพรตจนบรรลุธรรมในบั้นปลาย
—–ด้วยข้อมูลอันหลากหลายและขัดแย้งกัน อีกทั้งมิอาจพิสูจน์ความจริงได้โดยง่าย ประเด็นเรื่องตัวตนที่แท้จริงของหลานไฉ่เหอจึงยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดจนกระทั่งปัจจุบัน
- เพศสภาพของ “หลานไฉ่เหอ”
—–นอกจากเรื่องตัวตนที่แท้จริงของหลานไฉ่เหอแล้ว ยังมีอีกประเด็นหนึ่งซึ่งน่าสนใจ คือ “เพศสภาพ” ของเขา จะสังเกตได้ว่าในบันทึกไม่ได้ระบุไว้ชัดเจนว่าแท้ที่จริงแล้วหลานไฉ่เหอเป็นบุรุษหรือสตรี แต่เมื่อพิจารณาจากวิธีการบรรยายลักษณะเซียนตามความเชื่อลัทธิเต๋า ข้อเสนอที่ว่าหลานไฉ่เหอเป็นเพศชายดูจะสอดคล้องกับการรับรู้ของสังคมจีนสมัยโบราณมากกว่า และบันทึกซี่ว์เซียนจ้วนก็ไม่กล่าวถึงตะกร้าใส่ดอกไม้ ผลไม้ หรือยาสมุนไพรแต่อย่างใด ทว่าภาพลักษณ์ของหลานไฉ่เหอที่ปรากฏในการแสดงยุคหลังกลับเปลี่ยนไปจากเดิม ดังนั้นเรื่องเพศสภาพของเซียนตนนี้จึงเป็นประเด็นโต้แย้งในหมู่นักประวัติศาสตร์และนักเทววิทยาจีนทั้งชาวจีนและชาวตะวันตก
—–การถกเถียงเรื่องเพศสภาพของหลานไฉ่เหอนั้นมีมาช้านานกว่าร้อยปี เนื่องจากลักษณะอันคลุมเครือที่ปรากฏให้เห็นของหลานไฉ่เหอ จึงเกิดการสันนิษฐานว่าหลานไฉ่เหอน่าจะเป็น “ผู้มีความหลากหลายทางเพศ” มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 20 แล้ว
—–ในหนังสือ Myths and Legends of China ของ E.T.C.Werner ซึ่งตีพิมพ์เมื่อค.ศ. 1922 ใช้สรรพนามแทนหลานไฉ่เหอในช่วงแรกของประวัติว่า “she” อันเป็นสรรพนามเพศหญิง แต่ในช่วงท้าย ผู้เขียนได้หยิบยกความตามตำนานที่นิยมกันทั่วไปมาแสดงว่า เหอเซียนกู (何仙姑) เป็นเซียนสตรีหนึ่งเดียวในคณะแปดเซียน และได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า แม้หลานไฉ่เหอจะเป็นบุรุษ แต่เขาก็อาจไม่เข้าใจวิธีการแสดงออกซึ่งความเป็นบุรุษ และนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงน่าจะต้องเป็นสตรี
—–ส่วนหลักฐานฝ่ายจีนมักระบุไปในทางเดียวกันว่าหลานไฉ่เหอมีเพศสภาพเป็นบุรุษ บทกวีสมัยราชวงศ์หยวนก็กล่าวถึงหลานไฉ่เหอว่าเป็นบุรุษ ข้อมูลนี้ได้รับการสนับสนุนจากนักประวัติศาสตร์ชาวตะวันตกและจีนจำนวนหนึ่ง แต่ต่อมาในสมัยราชวงศ์ชิง (清 ค.ศ. 1616 – 1912) มีการกำหนดสถานภาพตัวละครหลานไฉ่เหอเป็นเสี่ยวต้าน (小旦)5 และให้แต่งกายอย่างตัวนางออกโรง อนึ่ง งานเขียนในรัชสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง เรื่อง ไกอวี๋ฉงเข่า《陔餘叢考》เล่ม 3 และ 4 ได้พรรณนาไว้ว่า ในคณะแปดเซียนนั้น ประกอบด้วยเซียนบุรุษ 6 ตน และ “เซียนสตรี” 2 ตน ได้แก่เหอเซียนกูและหลานไฉ่เหอ เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเพศสภาพของหลานไฉ่เหอจากบุรุษเป็นสตรีเริ่มมีขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง นอกจากนั้น ในการแสดงอุปรากรจีนต่างๆ ตัวละครหลานไฉ่เหอยังมักปรากฏตัวด้วยเครื่องแต่งกายสตรีที่ร้องเสียงต่ำแบบบุรุษอีก ความสับสนเรื่องเพศสภาพของหลานไฉ่เหอนี้จึงแพร่ไปยังชาวตะวันตกตั้งแต่ช่วงเวลาดังกล่าวด้วย หนังสือเล่าเรื่องงานเลี้ยงฉลองท้อเซียนของพระแม่ซีหวังหมู่ 《西王母蟠桃大會》ของชาวตะวันตกที่ตีพิมพ์ในสมัยปลายราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1907) ได้กล่าวถึงเพศสภาพของหลานไฉ่เหอว่า “ไม่ชัดเจน” แต่ดูเหมือนผู้เขียนจะสนับสนุนข้อมูลที่ว่าหลานไฉ่เหอเป็นสตรีมากกว่า
—–มีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงเพศสภาพของหลานไฉ่เหอว่า น่าจะเกิดจากการตีความว่าหลานไฉ่เหอที่ปรากฏตัวด้วยภาพลักษณ์บุรุษวณิพกนั้นมีความซ้ำซ้อนกับภาพลักษณ์ขอทานไม้เท้าเหล็กของหลี่เถี่ยไกว่
—–เนื่องด้วยการตีความเกี่ยวกับเพศสภาพของหลานไฉ่เหอค่อนข้างหลากหลาย และยังปราศจากข้อสรุปที่ชัดเจนในปัจจุบัน ส่งผลให้การแสดงงิ้ว รวมถึงภาพยนตร์ในสมัยหลังปรากฏลักษณะของหลานไฉ่เหอในรูปของสตรีบ้าง บุรุษที่มีประพิมพ์ประพายคล้ายสตรีบ้าง หรือบุรุษที่แต่งตัวเป็นเด็กบ้าง ขึ้นอยู่กับการตีความของผู้จัดการแสดงหรือนักแสดง
—–ในสังคมสมัยใหม่ซึ่งความหลากหลายเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แม้ประเด็นเรื่องเพศสภาพของหลานไฉ่เหอยังคงถกเถียงกันอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่หลานไฉ่เหอก็ได้รับการยอมรับในฐานะสัญลักษณ์แทน “ความหลากหลายทางเพศ” ที่เปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นสากลด้วยเช่นกัน
[1] ตามคติชาวบ้านเชื่อว่า เซียนทั้งแปดตนเป็นสัญลักษณ์แทนปุถุชนบนโลก กล่าวคือ 1. 男 บุรุษ (หลี่ว์ต้งปิน 呂洞賓) 2. 女 สตรี (เหอเซียนกู 何仙姑) 3. 老 ผู้เฒ่า (จางกั่วเหล่า 張果老) 4. 幼 ผู้เยาว์ (หลานไฉ่เหอ 藍采和) 5. 富 ผู้มั่งมี (หานเซียงจื่อ 韓湘子) 6. 貴 ผู้มียศศักดิ์ (เฉากั๋วจิ้ว 曹國舅) 7. 貧 ผู้ขัดสน (จงหลีเฉวียน 鍾離權) 8. 賤 ผู้ด้อยโอกาส (หลี่เถี่ยไกว่ 李鐵拐)
[2] อ้างอิงจาก “ชีวประวัติผู้ปรีชาสามารถแห่งราชวงศ์ถัง”《唐才子傳》ม้วนที่ 8 เรียบเรียงโดย ซินเหวินฝาง (辛文房) ราชวงศ์หยวน (元)
[3] อ้างอิงจาก “กวีนิพนธ์ห้าราชวงศ์” 《五代詩畫》ม้วนที่ 3 ชำระและเพิ่มเติมโดยเจิ้งฟางคุน (鄭方坤) ราชวงศ์ชิง (清)
[4] บ้างก็เรียก ฮั่นจงหลี (漢鍾離)
[5] ต้าน (旦) คือตัวละครเพศหญิงในการแสดงอุปรากรจีน ส่วนเสี่ยวต้าน (小旦) คือตัวละครหญิงที่มีอายุน้อย