ซูสีไทเฮาและเลดีคองเกอร์:
มิตรภาพข้ามแดนระหว่างพระพันปีหลวงกับภริยาทูตอเมริกัน

เรื่องโดย พลพัธน์ ภูรีสถิตย์


 

พระนางซูสีไทเฮาและเหล่าสุภาพสตรีชาวตะวันตก

——พระฉายาลักษณ์หนึ่งที่น่าสนใจของสมเด็จพระพันปีหลวงฉือสี่ (慈禧太后 ค.ศ. 1835 – 1908) หรือพระนางซูสีไทเฮา ที่มีผู้ให้ความสนใจกันมากภาพหนึ่ง คือภาพที่ประทับนั่งและยื่นพระหัตถ์ให้สุภาพสตรีชาวตะวันตกผู้หนึ่งจับ ซึ่งแสดงออกถึงการ “เปิดรับ” ความเป็นตะวันตกของราชสำนักชิงในช่วงใกล้อวสาน นอกจากองค์ประกอบภาพที่น่าสนใจแล้ว บุคคลในภาพที่จับพระหัตถ์พระพันปีหลวงอย่างเลดีซาราห์ ไปค์ คองเกอร์ (Lady Sarah Jane Pike Conger ค.ศ. 1843 – 1932) ก็มีประวัติน่าสนใจ ในฐานะ “พระสหาย” ชาวตะวันตกของพระพันปีหลวงเช่นกัน

——เลดีซาราห์ คองเกอร์ เกิดเมื่อปีคริสต์ศักราช 1843 เป็นภริยาของเอ็ดวิน คองเกอร์ (Edwin Conger ค.ศ. 1843 – 1907) ราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำปักกิ่ง เมื่อเอ็ดวิน คองเกอร์ ได้รับตำแหน่งราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำปักกิ่งในเดือนมกราคม ปีคริสต์ศักราช 1898 เลดีคองเกอร์ได้เดินทางติดตามสามีไปยังปักกิ่งด้วย หลังจากนั้น เลดีคองเกอร์ก็เริ่มศึกษาวัฒนธรรมจีนจากข้าราชการชาวอเมริกันในปักกิ่งจนแตกฉาน กระทั่งวันที่ 18 ธันวาคม ปีเดียวกัน เลดีคองเกอร์มีโอกาสเข้าเฝ้าพระพันปีหลวงฉือสี่เป็นครั้งแรก จดหมายที่เลดีคองเกอร์ส่งถึงน้องสาวในสหรัฐอเมริกา แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอมีความประทับใจต่องานเลี้ยงประทานภริยาทูตต่างประเทศของพระพันปีหลวง รวมถึงพระจริยวัตรของพระองค์จากที่ทรงต้อนรับอาคันตุกะชาวตะวันตกอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง

——แต่หลังจากนั้นไม่นาน สถานการณ์ของชุมชนชาวต่างชาติที่ย่านถนนสถานทูต[1] ในปักกิ่งก็ตกอยู่ในสภาวะวิกฤตจากกรณีกบฏนักมวยเข้าปิดล้อมและโจมตีย่านถนน จนกระทั่งกองกำลังพันธมิตร 8 ชาติสามารถพิชิตกบฏนักมวยได้สำเร็จในคริสต์ศักราช 1901 หลังจากนั้น พระพันปีหลวงฉือสี่ พระจักรพรรดิกวงซี่ว์ (光緒帝 ค.ศ. 1871 – 1908) และข้าราชสำนักได้เสด็จพระราชดำเนินออกไปประทับนอกกรุงปักกิ่งเป็นการชั่วคราวจนถึงคริสต์ศักราช 1902 จึงเสด็จฯ กลับปักกิ่งท่ามกลางความคลางแคลงใจของคณะทูตตะวันตกที่มองว่าราชสำนักชิงอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์กบฎนักมวย

——เลดีคองเกอร์มีบทบาทอย่างมากในการลดความไม่ไว้วางใจของชาติตะวันตกต่อพระพันปีหลวงฉื่อสี ด้วยการพาคณะเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาและภริยา หมอสอนศาสนาเข้าเฝ้าในพระราชวังต้องห้ามในเดือนกุมภาพันธ์ คริสต์ศักราช 1902 และได้กล่าวสุนทรพจน์แสดงทัศนคติด้านบวกต่อพระพันปีหลวงฉือสี่ว่าทรงเป็นมิตรต่อชาวต่างชาติ เหตุนี้เองที่ทำให้เลดีคองเกอร์กลายเป็น “พระสหาย ” ของพระพันปีหลวง

พระสาทิสลักษณ์ของพระนางซูสีไทเฮา

——ในระยะเวลาดังกล่าวนี้ เลดีคองเกอร์ในฐานะพระสหายได้ทูลเกล้าฯ ถวายคำแนะนำแก่พระพันปีหลวงหลายประการ ที่สำคัญที่สุดคือการแนะนำให้ราชสำนักชิงจัดการศึกษาแก่เด็กหญิงและส่งเด็กชายที่มีการศึกษาไปศึกษาต่อในต่างประเทศ รวมทั้งยังเป็นผู้จัดหาศิลปินชาวตะวันตกมาวาดพระสาทิสลักษณ์ของพระพันปีหลวงฉือสี่ และแนะนำให้ฉายพระฉายาลักษณ์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่พระบรมวงศานุวงศ์ที่มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดินจีนฉายพระฉายาลักษณ์และประทานอนุญาตให้เผยแพร่ออกสู่สาธารณะ ถือเป็นการ “ฉีก” ราชประเพณีดั้งเดิมที่มีการห้ามนำพระสาทิสลักษณ์เจ้านายออกเผยแพร่มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่ง นอกจากนี้ พระพันปีหลวงฉือสี่ยังประทานภาพวาดโบราณและของล้ำค่าจำนวนมากให้เลดีคองเกอร์เป็นของขวัญด้วย ความสนิทสนมของเลดีคองเกอร์ในฐานะพระสหายนี้ทำให้สื่ออเมริกันบางรายโจมตีว่าภริยาทูตอเมริกันที่ปักกิ่งนั้น “ลืมความป่าเถื่อนของพวกกบฎนักมวยสิ้นแล้ว”

พระฉายาลักษณ์ของพระนางซูสีไทเฮา

——ปีคริสต์ศักราช 1905 เอ็ดวิน คองเกอร์ หมดวาระการประจำการในจีนและขอลาออกต่อกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาเนื่องจากปัญหาสุขภาพ ก่อนการเดินทางกลับประเทศของพระสหาย พระพันปีหลวงฉือสี่ได้ประทานงานเลี้ยงอำลาและของขวัญล้ำค่าเป็นหยกเนื้อแดงราคาสูงแก่เลดีคองเกอร์ และยังมีของประทานไปยังครอบครัวคองเกอร์ถึงที่สหรัฐอเมริกาอยู่เป็นระยะๆ จนกระทั่งสิ้นพระชนม์ในปีคริสต์ศักราช 1908

เลดีคองเกอร์ ( กลาง ) ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกับครอบครัวราชทูตต่างประเทศในปักกิ่ง ประมาณคริสต์ศักราช 1901 หลังกบฎนักมวยสงบลง

——บั้นปลายของเลดีคองเกอร์นั้นค่อนข้างประสบปัญหาทางการเงิน จนต้องนำสมบัติที่ได้รับประทานจากพระพันปีหลวงฉือสี่ออกขาย รวมทั้งยังเขียนหนังสือบอกเล่าประสบการณ์ของตนในจีนออกจำหน่าย 2 เล่ม

——เลดีคองเกอร์ถึงแก่กรรมในปีคริสต์ศักราช 1932 ทิ้งเรื่องราวของสตรีอเมริกันผู้เป็นพระสหายของพระพันปีหลวงฉื่อสีไว้เป็นเรื่องเล่าขานในประวัติศาสตร์ต่อไป

ภาพที่ทำการสถานทูตสหรัฐอเมริกาในปักกิ่ง จากหนังสือ Letter From China

 

[1] ย่านตงเจียวหมินเซียง (東郊民巷) ในปัจจุบัน


อ้างอิง

  • https://solongletty.tripod.com/conger/id2.html
  • https://visualizingcultures.mit.edu/empress_dowager/cx_essay03.html
  • Hayter-Menzies, Grant. “Domestic Diplomacy: Empress Dowager Cixi, Sarah Pike Conger, and the Chinese Butler Who Brought Them Together” (PDF). Asia Pacific Perspectives (Fall/Winter 2013–14): 109–120.
[/fusion_builder_column][/fusion_builder_row][/fusion_builder_container]