เจิ้งจวงกงกับเรื่องราวที่ควรค่าแก่การใคร่ครวญ
เจิ้งจวงกงกับเรื่องราว ที่ควรค่าแก่การใคร่ครวญ เรื่องโดย: พลอยไพลิน เขียวทอง เจิ้งจวงกง (鄭莊公743-701 ปีก่อนค.ศ.)
เจิ้งจวงกงกับเรื่องราว ที่ควรค่าแก่การใคร่ครวญ เรื่องโดย: พลอยไพลิน เขียวทอง เจิ้งจวงกง (鄭莊公743-701 ปีก่อนค.ศ.)
จีนมีภาษิตชาวบ้านหรือถ้อยคำที่กล่าวสืบต่อกันมาช้านานแล้วว่า “ยอมนอนสุสาน ก็ไม่ค้างศาลเจ้าร้าง” (寧睡荒墳,不宿破廟) เมื่อฟังดูแล้วอาจรู้สึกฉงนใจ เพราะเหตุใด “สุสาน” กลางแจ้งที่น่ากลัว ทั้งยังแฝงไว้ด้วยสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ จึงปลอดภัยกว่า “ศาลเจ้าร้าง” ซึ่งมีหลังคากันแดดกันฝน
ผู้ซึ่งชื่นชอบเรื่องลี้ลับและสยองขวัญคงต้องเคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวของ “เสือสมิง” กันมาไม่มากก็น้อย ตามตำนานนั้น เสือสมิงคือเสือที่เชื่อกันว่าเดิมเป็นคนมีอาคมแก่กล้าจนสามารถจำแลงร่างเป็นเสือแล้วจำแลงกลับมาเป็นคนไม่ได้ หรืออีกนัยหนึ่ง เสือสมิงคือเสือที่เมื่อกินคนมากๆ เข้า วิญญาณคนตายก็เข้าสิง และต่อมาสามารถจำแลงร่างเป็นคนได้ แต่คติความเชื่อเรื่องเสือสมิงนี้ไม่ได้มีเฉพาะในสังคมไทยเพียงเท่านั้น
“ชามตราไก่” อุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวที่ชาวไทยคุ้นตากันดี ไม่เพียงเป็นเครื่องกระเบื้องเคลือบดินเผาที่เพิ่มความอิ่มเอมในการรับประทานอาหาร หรือสิ่งของประกอบฉากภาพยนตร์ หากแต่ยังเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมจีนซึ่งบอกเล่าเรื่องราว ความคิด และความเปลี่ยนแปลงทางสังคมของชาวจีนหลายยุคหลายสมัย
“故劍情深” (gù jiàn qíng shēn) เป็นสำนวนจีนซึ่งใช้กันมาแต่โบราณ หากแปลตามตัวอักษร สำนวนนี้ย่อมมีความหมายว่า “กระบี่เล่มเก่าเก็บรักสลักใจ” ทว่าแท้จริงแล้ว คำว่า 故劍 (gù jiàn กระบี่เล่มเก่า) ในที่นี้มีความหมายโดยนัยว่า “ภรรยาคนแรกผู้เป็นที่รักยิ่ง”
เมื่อเอ่ยถึง ศิลปะการตัดกระดาษ (剪紙藝術) ภาพที่ผู้คนมักนึกถึงคือลายฉลุบนกระดาษสีแดงอันประณีต บรรจง และคงเอกลักษณ์แบบตะวันออก เป็นศิลปะพื้นบ้านซึ่งผ่านการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น และยังเป็นดั่งกระจกที่สะท้อนวิถีชีวิต วัฒนธรรม และจิตวิญญาณของประชาชนจีนในแต่ละยุคสมัย
ในหน้าประวัติศาสตร์จีนอันแสนยาวนาน มีการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์ รวมถึงชนชั้นปกครองหลายต่อหลายครั้ง จนเกิดสำนวน “改朝换代” (gǎi cháo huàn dài) ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนจากราชวงศ์เก่าสู่ราชวงศ์ใหม่ เมื่อเปลี่ยนราชวงศ์ ก็เท่ากับเปลี่ยนตระกูลผู้ปกครอง แล้วมีตระกูลใดบ้างที่เคยได้ครองแผ่นดินจีน?
ที่ประเทศจีน หากผู้คนต้องการพูดกระทบกระเทียบพฤติกรรมการทำงานแบบเกี่ยงกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมทำเพราะเกรงว่าจะเสียเปรียบ จนขาดความปรองดองกัน มักอ้างภาษิตชาวบ้าน “หลวงจีนหนึ่งรูปตักน้ำมาดื่ม หลวงจีนสองรูปหาบน้ำมาดื่ม หลวงจีนสามรูปไม่มีน้ำจะดื่ม” (一個和尚挑水喝,兩個和尚抬水喝,三個和尚沒水喝。)
ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากราชวงศ์ถัง (唐 ค.ศ. 618–907) สู่การสถาปนาราชวงศ์อู่โจว (武周 ค.ศ. 690–705) พระจักรพรรดินีนาถบูเช็กเทียน (武则天 อู่เจ๋อเทียน ค.ศ. 624–705) ได้ทรงประดิษฐ์และปรับปรุงอักษรจีนราว 18 ตัวอักษร อักษรเหล่านี้มีทั้งสร้างสรรค์ขึ้นใหม่และดัดแปลงจากตัวอักษรโบราณ โดยมีชื่อเรียกว่า “อักษรเจ๋อเทียน” (则天文字)
เมื่อกล่าวถึง “จอมยุทธ์” คอนิยายกำลังภายในหลายท่านคงทึกทักว่ามีแต่ในโลกแห่งจินตนาการ ทว่าในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น ก็ปรากฏยอดนักสู้ผู้มีฝีมือลือเลื่องไปทั่วแผ่นดินจีนเช่นกัน และชื่อเสียงเรียงนามของ “หวงเฟยหง” (黃飛鴻 ค.ศ. 1847 หรือ 1856–1925) ย่อมจะอยู่ในความคิดคำนึงของผู้คนเป็นอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน