สำนวนจีนบอกกาลเวลาและยุคสมัย


 

——สำนวนจีนเกี่ยวกับมิติกาลเวลา มักแฝงความหมายลึกซึ้งน่าสนใจ ไม่เพียงบ่งบอกการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ
ยังสอนให้ได้เรียนรู้คน เรียนรู้โลก เรียนรู้ตัวตน ทั้งนี้ก็เพื่อเตือนใจให้ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของชีวิตและสถานการณ์ต่างๆ โดยให้คำนึงถึงหลักคิดที่ว่า ‘ทุกอย่างไม่แน่นอน’ หรือ ‘สรรพสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลง’ อันเป็นหัวใจสำคัญของปรัชญาจีน ดังตัวอย่างข้างล่างนี้

——————————shí     nián     hé          dōng,        shí      nián       hé        xī

สำนวน———————十        年       河             东,         十       年          河        西。

แปลทีละคำศัพท์——สิบ         ปี      แม่น้ำ     ตะวันออก     สิบ       ปี        แม่น้ำ    ตะวันตก

แปลเอาความ———(โลก สถานการณ์ หรือเรื่องราว) เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา / รุ่งเรืองตกต่ำไม่แน่นอน

คำอธิบายเพิ่มเติม  สำนวนนี้อ้างอิงการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ของแม่น้ำเหลืองหรือฮวงโห (黄河 huáng hé)
ซึ่งเป็นแม่น้ำสายยาวประมาณ 5,464 กิโลเมตร โดยมีต้นกำเนิดที่มณฑลชิงไห่ (青海省) ทางตะวันตกของจีนและไหลพาดผ่าน 9 มณฑลกระทั่งออกสู่ทะเลป๋อไห่ (渤海) ทางตะวันออกของจีน เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางและเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง จึงนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตของมนุษย์ซึ่งมีขึ้นและลงเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ภาวะเช่นนี้ไม่อาจกำหนดโดยมนุษย์ได้ สำนวนดังกล่าวย่อมาจากรูปแบบเดิม ได้แก่

sān    shí  nián  hé  dōng,   sān     shí   nián  hé  xī.

三  十  年  河  东,  三   十  年  河  西。


ทั้ง 2 สำนวนสื่อความหมายกลางๆ มักถูกหยิบมาใช้เมื่อผู้พูดต้องการระบุข้อเท็จจริง เพื่อให้ผู้รับสารเข้าใจและยอมรับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน หรือใช้เพื่ออุทาน ซึ่งต้องการให้เกิดความรู้สึกร่วม สื่อความหมายในภาษาไทยว่า ‘ผันผวนอย่างมากตามกาลเวลา’, ‘(โลก สถานการณ์ เรื่องราว) เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา’, ‘ความรุ่งเรืองตกต่ำไม่แน่นอน’

 

ตัวอย่างประโยค

  1. 房价变化十年河东十年河西,不好预测。
    Fáng jià biàn huà shí nián hé dōng shí nián hé xī, bù hǎo yù cè.
    ราคาบ้านเปลี่ยนแปลงผันผวนอย่างมากตามกาลเวลา ยากที่จะคาดเดา
  2. 十年河东十年河西,前雇员现在成了我老板。
    Shí nián hé dōng shí nián hé xī, qián gù yuán xiàn zài chéng le wǒ lǎo bǎn.
    ความรุ่งเรืองตกต่ำไม่แน่นอน ตอนนี้อดีตพนักงานกลายเป็นเจ้านายฉันแล้ว
  3. 人生故事令人感慨,说来真是‘三十年河东,三十年河西
    Rén shēng gù shì lìng rén gǎn kǎi, shuō lái zhēn shì ‘sān shí nián hé dōng, sān shí nián hé xī’.
    เรื่องราวชีวิตชวนปลงอนิจจัง ว่าไปก็สมกับสำนวนที่ว่า ‘สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา’ จริงๆ

 

——สำนวนดังกล่าวยังถูกนำมาพูดกันในเชิงอบรมสั่งสอน เพื่อ ‘ทักท้วง’ หรือ ‘ตักเตือน’ ให้รู้ตัว หรือให้แก้ไขพฤติกรรมที่ผิด ดังนี้

——十年河东转河西,莫笑穷人穿破衣。
——Shí nián hé dōng zhuǎn hé xī, mò xiào qióng rén chuān pò yī.
——สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา อย่ายิ้มเยาะคนจนสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง

 

อีกหนึ่งสำนวนบอกกาลเวลา ที่เน้นสอนให้เข้าใจหลักคิด ‘ต่างเวลาก็ต่างสถานการณ์’ โดยแยะแยกอดีตกับปัจจุบัน คือ

—————————cǐ         yì      shí,    bǐ         yì         shí

สำนวน——————此      一       时,    彼       一         时

แปลทีละคำศัพท์—–นี้      หนึ่ง    เวลา     นั้น      หนึ่ง     เวลา

แปลรวมศัพท์——เวลานี้ เวลานั้น

แปลเอาความ——ยุคสมัยเปลี่ยนไป / เวลาเปลี่ยน สถานการณ์ก็เปลี่ยน

คำอธิบายเพิ่มเติม        สำนวนนี้สื่อความหมายเชิงเปรียบเทียบว่า เวลานี้คือเวลานี้ เวลานั้นคือเวลานั้น เมื่อเวลาผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาล ดังนั้นการยอมรับการเปลี่ยนแปลงและปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้สามารถก้าวต่อไปและพัฒนาตนเองได้อย่างเหมาะสมและทันเหตุการณ์

 

ตัวอย่างประโยค

  1. 此一时,彼一时,现在市场竞争太激烈了。
    Cǐ yì shí, bǐ yì shí, xiàn zài shì chǎng jìng zhēng tài jī liè le.
    ยุคสมัยเปลี่ยนไป ปัจจุบันการแข่งขันในตลาดรุนแรงมากเกินไป
  2. 此一时,彼一时,旧技术指导不了现代工作。
    Cǐ yì shí, bǐ yì shí, jiù jì shù zhǐ dǎo bù liǎo xiàn dài gong zuò.
    เวลาเปลี่ยน สถานการณ์ก็เปลี่ยน เทคนิคเก่าไม่อาจชี้นำการทำงานสมัยใหม่ได้
  3. 连硕士毕业都找不到工作,真是此一时,彼一时
    Lián shuò shì bì yè dōu zhǎo bú dào gong zuò, zhēn shì cǐ yì shí, bǐ yì shí.
    แม้จบปริญญาโทก็ยังหางานไม่ได้ ยุคสมัยเปลี่ยนไปจริงๆ

 


 

——นอกจากนี้ยังมีสำนวนอื่นๆ ที่สื่อความหมาย ‘มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก’ ตามกาลเวลาซึ่งใกล้เคียงกันกับ
此一时彼一时 เน้นว่ากาลเวลาที่ผ่านไป ส่งผลต่อคน โลก หรือสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป เช่น

 

  • 时过境迁 shí guò jìng qiān หมายถึง เมื่อเวลาผ่านไป สถานการณ์ก็ได้เปลี่ยนแปลงไป โดยเน้นถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม โดย 时 shí หมายถึง กาลเวลา, 过 guò หมายถึง (เวลา) ผ่านไป, 境 jìng ในที่นี้หมายถึง สภาพแวดล้อม และ 迁 qiān ในที่นี้หมายถึง เคลื่อนพ้นจากจุดใดจุดหนึ่งไป สำนวนนี้มักใช้อุทาน
    การเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา โดยเน้นให้คำนึงถึงสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนเดิม

ตัวอย่างประโยค

深圳时过境迁,过去的渔村已被现代都市取代。
Shēn zhèn shí guò jìng qiān, guò qù de yú cūn yǐ bèi xiàn dài dū shì qǔ dài.
เซินเจิ้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก หมู่บ้านชาวประมงในอดีตถูกแทนที่ด้วยมหานครที่ทันสมัย

 

  • 事过境迁 shì guò jìng qiān หมายถึง เมื่อเรื่องราวหรือเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว สถานการณ์ก็เปลี่ยนแปลงเช่นกัน โดย 事 shì หมายถึง เหตุการณ์, 过 guò หมายถึง (เรื่องราว) ผ่านไป, 境 jìng ในที่นี้หมายถึง สภาพแวดล้อม และ 迁 qiān ในที่นี้หมายถึง เคลื่อนพ้นจากจุดใดจุดหนึ่งไป สำนวนนี้เน้นที่เรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่ผ่านไปนั้น ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ อารมณ์และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล

ตัวอย่างประโยค

如今事过境迁,当年的对手已经成为朋友了。
Rú jīn shì guò jìng qiān, dāng nián de duì shǒu yǐ jīng chéng wéi péng yǒu le.
ปัจจุบันกาลเวลาผ่านไป อดีตคู่แข่งได้กลายเป็นเพื่อนกันแล้ว

 

  • 时移世易 shí yí shì yì หมายถึง กาลเวลาผ่านพ้น สถานการณ์โลกก็เปลี่ยนตามไปด้วย โดย 时 shí หมายถึง กาลเวลา, 移 yí หมายถึง เคลื่อนพ้นจากจุดใดจุดหนึ่งไป, 世 shì ในที่นี้ย่อมาจาก 人世间 หมายถึง โลกมนุษย์ และ 易 yì หมายถึง เปลี่ยนแปลง หรือการเปลี่ยนแปลง สำนวนนี้สื่อความหมายกลางๆ บอกถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกตามกาลเวลา

ตัวอย่างประโยค

尽管时移世易,但有些传统观念依然存在价值。
Jǐn guǎn shí yí shì yì, dàn yǒu xiē chuán tǒng guān niàn yī rán cún zài jià zhí.
แม้ว่าเวลา(จะ)เปลี่ยน(ไป) แต่แนวคิดดั้งเดิมบางอย่างยังคงมีคุณค่า

 

——สำนวนเกี่ยวกับมิติกาลเวลาเหล่านี้ล้วนแต่เน้นย้ำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกาลเวลา โดยเฉพาะช่วงเวลาจากอดีตถึงปัจจุบันเพื่อให้คิดทบทวนเรื่องราวในอดีตที่ผ่านไปแล้วและรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันได้อย่างเหมาะสม

 


เกร็ดความรู้


 

一朝天子一朝臣

yì cháo tiān zǐ yì cháo chén

เปลี่ยนฮ่องเต้ย่อมต้องเปลี่ยนขุนนาง

เปลี่ยนตัวนายก็ต้องเปลี่ยนลูกน้องด้วยเป็นธรรมดา

 

——คำอธิบายเพิ่มเติม

——天子  tiān zǐ  หมายถึง โอรสสวรรค์หรือกษัตริย์ 朝 cháo หมายถึง ราชวงศ์หรือรัชสมัย ส่วน  臣 chén หมายถึง ขุนนางหรืออำมาตย์ สำนวนนี้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงอำนาจซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ใต้บังคับบัญชา กล่าวคือเมื่อเปลี่ยนตัวผู้มีอำนาจก็ย่อมต้องเปลี่ยนตัวผู้ที่เป็นบริวารไปด้วยเช่นเดียวกัน มักถูกนำมาใช้สื่อความหมายในเชิงลบ โดยนัยหมายถึง การแต่งตั้งบุคคลที่อิงความใกล้ชิดหรือความสัมพันธ์ส่วนตัว ในขณะเดียวกันก็เป็นการบอกข้อเท็จจริงประการหนึ่ง เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์และนำไปสู่การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์นั้นๆ

——ในยุคจักรพรรดิของจีน มีความเชื่อว่า ‘กษัตริย์’ เป็น ‘บุตรแห่งฟ้า’ หรือเรียกกันว่า ‘โอรสสวรรค์’ ซึ่งถือเป็นตัวแทนที่ได้รับอาญาสิทธิ์จากฟ้า มีอำนาจสูงสุดในการปกครองโลกที่เรียกกันว่า ‘อาณัติแห่งสวรรค์’ (天命) พระองค์มีหน้าที่ปกครองแผ่นดินโดยชอบธรรมและสร้างความผาสุขแก่เหล่าประชาราษฎร์ ในขณะเดียวกัน การใช้อำนาจหรือความประพฤติของกษัตริย์ก็ถูกควบคุมโดยอาณัติแห่งสวรรค์เช่นกัน

 

ตัวอย่างประโยค 

  1. 新领导刚上任,张经理就遭罢免, 一朝天子一朝臣呐。
    Xīn lǐng dǎo gāng shàng rèn, zhāng jīng lǐ jiù zāo bà miǎn, cháo tiān zǐ cháo chén na.
    ผู้บริหารคนใหม่เพิ่งจะเข้ารับตำแหน่ง ผู้จัดการจางก็ถูกปลดจากตำแหน่ง เปลี่ยนฮ่องเต้ย่อมต้องเปลี่ยนขุนนางนั่นแหละ
  2. 所谓一朝天子一朝臣,新总理马上任命新人。
    Suǒ wèi cháo tiān zǐ cháo chén,xīn zǒng lǐ mǎ shàng rèn mìng xīn rén.
    ที่เขาว่าเปลี่ยนตัวนายก็ต้องเปลี่ยนตัวลูกน้องด้วย นายกรัฐมนตรีใหม่จึงแต่งตั้งคนใหม่ขึ้นมาทันที