เหตุใด城府’ จึงใช้บรรยายบุคลิกลักษณะของคนได้?

 

城府 chéng fǔ เป็นคำนามประสม ที่เกิดจากการนำคำบอกสถานที่สองคำมารวมกันในรูปแบบนามกับนาม ได้แก่คำว่า 城 chéng ที่หมายถึง ‘เมือง’ กับ 府 fǔ ที่หมายถึง ‘จวน’ หรือ ‘ที่อยู่ของข้าราชการผู้ใหญ่’ เมื่อรวมกันแล้วหมายถึง ศูนย์กลางการปกครองของเมือง อีกทั้งยังเกิดความหมายใหม่ในรูปแบบคำอุปมาลักษณะจำเพาะตัวของคนในด้าน ‘ปัญญา,ไหวพริบ,ชั้นเชิง’

ด้วยเหตุนี้ วลี 城府深 chéng fǔ shēn และ 城府不深 chéng fǔ bù shēn จึงถือเป็นสำนวนที่มักใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่ออธิบายบุคลิกลักษณะของคนว่ามีความคิดลึกซึ้งหรือไม่ โดยมีรูปแบบโครงสร้างดังนี้

 

———-———-——————chéngfǔ                            shēn

สำนวน                                    城府                                  深

แปลทีละคำศัพท์         ความคิดและแผนการ    ลึกแบบยากจะหยั่งรู้ได้   

———-———-———–มีความคิดและแผนการที่ลึกซึ้ง                       

แปลเอาความ               (มี) เหลี่ยมคู , (คน) เหลี่ยมจัด , สุขุมลุ่มลึก

คำอธิบายเพิ่มเติม     เป็นสำนวนภาษาปาก โดยยก ‘เมือง’ หรือ ‘จวน’ อุปมาบุคลิกลักษณะของคนว่า ‘มีชั้นเชิงอันแยบคาย’ หรือ ‘มีเล่ห์เหลี่ยมอุบายมาก’ 城府深 สามารถแสดงความหมายได้ทั้งเชิงบวกและลบโดยขึ้นอยู่กับบริบทดังนี้

ตัวอย่างเชิงบวก

+ สื่อความหมายเชิงชื่นชมว่า มีชั้นเชิง เป็นคนคมในฝัก มีเล่ห์เหลี่ยมและกลยุทธ์ มีทักษะและชั้นเชิงเป็นที่พึ่งพิงให้คนอื่นได้ ฯลฯ

ตัวอย่างเชิงลบ

สื่อความหมายเชิงตำหนิว่า เจ้าเล่ห์แสนกล เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว อาจกินความถึง น้ำนิ่งไหลลึก ไม่จริงใจ คบไม่ได้ ฯลฯ

⇒ ส่วนวลี 城府不深 chéng fǔ bù shēn ถือเป็นรูปปฏิเสธและสื่อความหมายตรงข้ามกัน ดั่งประโยค 这人城府不深。Zhè rén chéng fǔ bù shēn. แปลตรงตัวว่า ‘คนนี้ความคิดไม่ลึกซึ้ง’ ทว่าก็ยังสามารถนิยามความหมายได้หลายมิติเช่นกัน ดังตัวอย่างต่อไปนี้

+ ในกรณีที่ต้องการคบเป็นเพื่อน จะหมายถึง ‘ง่ายๆ ไม่มีลับลมคมใน’ แสดงว่าบุคคลนี้คบได้ เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ดีไม่ได้ต้องการความซับซ้อนมากนัก

± ในกรณีที่ต้องการพันธมิตรร่วมทำธุรกิจและรักษาผลประโยชน์ จะหมายถึง ‘ซื่อๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม’ แสดงว่าบุคคลนี้อาจไม่ทันคนหรือตามไม่ทันเกมโกงทางธุรกิจ และเสี่ยงทำให้ธุรกิจเสียเปรียบเพราะตกอยู่ในเกมของคนอื่น ยกเว้นมีคุณสมบัติด้านอื่นที่เหนือกว่า เป็นต้นว่าศักยภาพด้านเงินทุนหรือระดับชำนาญการ ฯลฯ

± ในกรณีที่ต้องการเพื่อนร่วมทีมเพื่อปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยกัน จะหมายถึง ‘ทื่อๆ ไม่มีปฏิภาณไหวพริบ’ บุคคลนี้อาจต้องฝึกคิดและวางแผนให้มากเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์

ถึงกระนั้นก็ตาม บุคลิกลักษณะทั้งสองแบบนี้จะไม่ปรากฏในบุคคลคนเดียวกันและไม่ได้บ่งบอกความเป็นคนดีหรือคนเลวแต่อย่างใด คนที่ 城府深 แม้ถูกมองว่าร้ายกาจแต่อาจทำสิ่งดีหรือสิ่งเลวก็ได้ เช่นเดียวกับคนที่ 城府不深 เพราะคำว่า 城府 ไม่ได้เกี่ยวกับคุณธรรม อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ยังคงยินดีร่วมงานกับคนฉลาดและเต็มไปด้วยเหลี่ยมคู (城府深) ซึ่งเหตุผลหลักมาจากผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะในยุคที่เน้นประสิทธิภาพเป็นสำคัญ บุคลิกลักษณะหงิมๆ หยิบชิ้นปลามัน และนำผลประโยชน์มาได้ด้วยวิธีการพลิกแพลงยืดหยุ่นจึงเป็นที่นิยมชมชอบมากกว่า เช่น

ประโยคตัวอย่าง

总理秘书必须是城府深的人。
Zǒng lǐ mì shū bì xū shì chéng fǔ shēn de rén.
เลขาฯ นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นคนมีเหลี่ยมคู

城府不深的人当不了总理秘书。
Chéng fǔ bù shēn de rén dāng bù liǎo zǒng lǐ mì shū.
คนไม่มีเหลี่ยมคูเป็นเลขาฯ ของนายกรัฐมนตรีไม่ได้

 

 

⇒ 城府 ในที่นี้นอกจากหมายถึง ‘เล่ห์เหลี่ยม, อุบาย, เชิงชั้น’ ยังกินความถึง ‘ปัญญาไวรู้เท่าทัน, พูดรู้จักระแวดระวัง’ จะเห็นว่าคนจีนนำคำว่า 城府 เชื่อมโยงกับท่าทีเงียบขรึมพูดน้อย คนที่มีบุคลิกลักษณะเช่นนี้ย่อมรู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด และหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ ‘ปลาหมอตายเพราะปาก’

ทักษะการควบคุมอารมณ์ หรือการเก็บความรู้สึกของตนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่นำมาประเมิน ‘เหลี่ยมคู’ หรือ ‘ความสุขุมลุ่มลึก’ ของบุคคล หากเป็นคนเจ้าอารมณ์ โกรธง่ายหายเร็ว อารมณ์แปรปรวนไม่หนักแน่น จะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม 城府不深 จนบางครั้งอาจถูกมองว่าเป็นข้อเสีย และกระทบความก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้ ดังตัวอย่างข้างล่างนี้

 

王明城府深,情绪稳定,说话做事谨慎,适合担任主管职务。
Wáng Míng chéng fǔ shēn, qíng xù wěn dìng, shuō huà zuò shì jǐn shèn, shì hé dān rèn zhǔ guǎn zhí wù.
หวางหมิงเป็นคนสุขุมลุ่มลึก มีอารมณ์มั่นคง และระมัดระวังในสิ่งที่เขาพูดและทำ เหมาะกับการรับตำแหน่งผู้จัดการ

李明城府不深,平常情绪挂脸,经常说错话,还容易受骗,难堪大用!
Lǐ Míng chéng fǔ bù shēn, píng cháng qíng xù guà liǎn, jīng cháng shuō cuò huà, hái róng yì shòu piàn, nán kān dà yòng!
หลี่หมิงไม่หนักแน่นลุ่มลึก ปกติอารมณ์ออกนอกหน้า พูดผิดบ่อยๆ ยังโดนหลอกง่าย ไม่เหมาะกับงานสำคัญใดๆ!

 

 

⇒ จากบริบทข้างต้นนี้ จะเห็นว่า หวางหมิงมีลักษณะเข้าข่ายสำนวนไทย ‘คมในฝัก’ หรือ ‘น้ำนิ่งไหลลึก’ คือมีความรู้รอบด้าน มีความคิดอย่างเป็นระบบ วางแผนซับซ้อนหลายชั้นได้ อีกทั้งยังสำรวมกิริยามารยาททั้งคำพูดและการกระทำ ไม่สุดโต่งไปทางใดทางหนึ่ง ถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้ฉลาดและวางตัวเป็น ตรงกันข้ามกับหลี่หมิงที่อาจถูกมองว่าเป็นคน ‘เจ้าอารมณ์’ หรือ ‘ซื่อบื้อ’ ก็ได้

การหยิบยกคำว่า 城府 ซึ่งประสมจากคำบอกสถานที่มาอุปมาอุปไมยความคิดของคน ไม่ว่าจะเป็นปัญญา ไหวพริบ ชั้นเชิง หรือเล่ห์เหลี่ยม มีที่มาสันนิษฐานจากการออกแบบเมืองตั้งแต่สมัยโบราณซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเมืองและแหล่งชุมชน โดยเมืองในสมัยนั้นจะมีระบบป้องกันซับซ้อนหลายชั้นเพื่อป้องกันคนที่เข้ามารุกราน เช่น คูเมืองหรือกำแพงเมือง เปรียบเสมือนกับกลไกความคิดอันซับซ้อนและลึกซึ้งของสมองคน

ในปัจจุบัน คำว่า 城府 มักถูกใช้ในความหมายที่สื่อถึง ‘บุคลิกลักษณะของคน’ มากกว่า ขณะที่ความหมายดั้งเดิมซึ่งเป็นการบอกสถานที่ กลับไม่ค่อยปรากฏให้เห็นมากนัก

 


สนทนาพาที (常用口语)


 

也罢

…yě bà…

…ก็ไม่เป็นไร… / …ไม่เห็นจะเป็นไร…

คำอธิบาย

โครงสร้างประโยค ‘…也罢…’ ใช้เมื่อต้องการพูดปลอบใจสำหรับกรณีที่รู้สึกเสียดาย หรือผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้เป็นไปตามที่ต้องการ แต่ต้องทำใจยอมรับความจริง เช่น

1. โต๊ะตัวนี้ไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร ในเมื่อไม่ได้รีบใช้
2. คุณไม่ไปไม่เห็นจะเป็นไร พวกเราแค่น้อยลงหนึ่งคนเท่านั้นเอง

‘…也罢…’ มีความหมายว่า ‘…ก็ไม่เป็นไร…’ หรือ ‘…ไม่เห็นจะเป็นไร…’

 

ตัวอย่างประโยค

  1. 这张桌子不买也罢,反正没有急用。
    Zhè zhāng zhuō zǐ bù mǎi yě bà,fǎn zhèng méi yǒu jí yòng.
    โต๊ะตัวนี้ไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร ยังไงก็ไม่ได้รีบใช้
  2. 你不去也罢,我们只是少了一个人而已。
    Nǐ bú qù yě bà,wǒ men zhǐ shì shǎo le yí gè rén ér yǐ.
    คุณไม่ไปไม่เห็นจะเป็นไร พวกเราแค่น้อยลงหนึ่งคนเท่านั้นเอง
  3. 他坚持要辞职也罢,反正我们挽留也留不住。
    Tā jiān chí yào cí zhí yě bà,fǎn zhèng wǒ men wǎn liú yě liú bú zhù.
    เขายืนยันจะลาออกก็ไม่เป็นไร ยังไงเสียพวกเราจะรั้งก็รั้งไม่อยู่

 

 

ตัวอย่างบทสนทนา

(ในโรงภาพยนตร์…)

(A บ่นเสียดายที่ไม่ได้เรียนวิชาภาษาจีนธุรกิจ แต่ B ไม่เห็นด้วย เพราะขี้เกียจเรียน)

A:    听说“商业汉语”这门课被取消了。真可惜!
Tīng shuō “Shāng Yè Hàn Yǔ” zhè mén kè bèi qǔ xiāo le. Zhēn kě xī!
ได้ข่าวว่าวิชาภาษาจีนธุรกิจถูกยกเลิกแล้ว น่าเสียดายจริงๆ !

B:    不学也罢,我们学的科目实在太多了。
Bù xué yě bà,wǒ men xué de kē mù shí zài tài duō le.
ไม่เรียนก็ไม่เป็นไร วิชาที่พวกเราเรียนก็มากเกินไปอยู่แล้ว

A:    但我指望将来跟中国人做生意呢!
Dàn wǒ zhǐ wàng jiāng lái gēn Zhōng Guó rén zuò shēng yì ne!
แต่ฉันหวังว่าในอนาคตจะทำธุรกิจกับคนจีนนี่นา!

B:     那就跟泰国人做生意嘛。
Nà jiù gēn Tài Guó rén zuò shēng yì ma.
งั้นก็ทำธุรกิจกับคนไทยสิ

 


 

也罢, 也罢,

yě bà, yě bà,

ไม่ว่า…  ไม่ว่า… / …ก็ตาม…ก็ตาม

 

คำอธิบาย

โครงสร้างประโยค ‘…也罢,…也罢,…’ ใช้ในกรณีที่ผู้พูดต้องการแสดงทัศนคติต่อเรื่องที่กล่าวถึงว่า ไม่ว่าจะเป็นไปตามเงื่อนไขประการแรก หรือประการที่สอง ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้ เช่น

1. เขาไปก็ตาม ไม่ไปก็ตาม ไม่เกี่ยวกับฉัน!
2. ไม่ว่าสุข ไม่ว่าทุกข์ ล้วนเป็นประสบการณ์ชีวิตที่มีค่า

‘…也罢,…也罢,…’ มีความหมายว่า ‘ไม่ว่า… ไม่ว่า…’ หรือ ‘…ก็ตาม …ก็ตาม’

 

ตัวอย่างประโยค

  1. 她去也罢,不去也罢,与我无关!
    Tā qù yě bà,bú qù yě bà,yǔ wǒ wú guān!
    เขาไปก็ตาม ไม่ไปก็ตาม ไม่เกี่ยวกับฉัน!
  2. 幸福也罢,痛苦也罢,都是宝贵的人生经验。
    Xìng fú yě bà,tòng kǔ yě bà,dōu shì bǎo guì de rén shēng jīng yàn.
    ไม่ว่าสุข ไม่ว่าทุกข์ ล้วนเป็นประสบการณ์ชีวิตที่มีค่า
  3. 有钱也罢,没钱也罢,我都过得很快乐。
    Yǒu qián yě bà,méi qián yě bà,wǒ dōu guò de hěn kuài lè.
    มีเงินก็ตาม ไม่มีเงินก็ตาม ฉันก็อยู่ได้อย่างมีความสุข

ตัวอย่างบทสนทนา

(A กำลังกังวลว่าผลการสอบจะไม่ดี ในขณะที่ B กลับรู้สึกเฉยๆ)

A:    我担心这次考试考不及格。
Wǒ dān xīn zhè cì kǎo shì kǎo bù jí gé.
ฉันกังวลว่า สอบครั้งนี้จะสอบไม่ผ่าน

B:    及格也罢,不及格也罢,只要尽力就行。
Jí gé yě bà,bù jí gé yě bà,zhǐ yào jìn lì jiù xíng.
ผ่านก็ตาม ไม่ผ่านก็ตาม ขอเพียงพยายามเต็มที่ก็พอแล้ว

A:    考不好你父母不骂你吗?
Kǎo bù hǎo nǐ fù mǔ bú mà nǐ ma?
สอบได้ไม่ดี พ่อแม่เธอไม่ด่าเธอหรือ

B:     总之,骂也罢,不骂也罢,我都不在乎!
Zǒng zhī,dǎ yě bàbú mà yě bà,wǒ dōu bù zài hū!
เอาเป็นว่า ด่าก็ตาม ไม่ด่าก็ตาม ฉันไม่สนใจทั้งนั้น!