อักษร 曌: สุริยันจันทรากลางเวหา
ส่องแสงสว่างทั่วโลกหล้า

เรื่องโดย: กงจื่อเสียน


 

——ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากราชวงศ์ถัง (唐 ค.ศ. 618–907) สู่การสถาปนาราชวงศ์อู่โจว (武周 ค.ศ. 690–705)    พระจักรพรรดินีนาถบูเช็กเทียน (武则天 อู่เจ๋อเทียน ค.ศ. 624–705) ได้ทรงประดิษฐ์และปรับปรุงอักษรจีนราว 18 ตัวอักษร อักษรเหล่านี้มีทั้งสร้างสรรค์ขึ้นใหม่และดัดแปลงจากตัวอักษรโบราณ โดยมีชื่อเรียกว่า “อักษรเจ๋อเทียน” (则天文字)

——ทว่าหลังจากที่พระนางทรงสละราชสมบัติและคืนบัลลังก์ให้แก่ราชวงศ์ถัง ตัวอักษรที่ทรงปรับปรุงเหล่านี้ก็ค่อยๆ เสื่อมความนิยมและเลือนหายไปตามกาลเวลา ถึงกระนั้นก็มีอักษรตัวหนึ่งซึ่งแม้จะไม่มีการนำมาใช้สื่อสารในปัจจุบันแล้ว แต่ยังคงปรากฏอยู่ในพจนานุกรมและถูกกล่าวถึงเรื่อยมา ด้วยความหมายที่น่าสนใจและถูกนำมาใช้เป็นพระนามของจักรพรรดินีบูเช็กเทียน นั่นคืออักษร “曌” (zhào อ่านว่า จ้าว)

——พจนานุกรมภาษาจีนปัจจุบัน 《现代汉语词典》ให้ความหมายอักษร 曌 ว่า “เช่นเดียวกับ ‘照’ (zhào ส่องแสง) เป็นอักษรที่บูเช็กเทียนสมัยราชวงศ์ถังทรงประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้เป็นนามของพระองค์เอง (同 “照”。唐代武则天为自己名字造的字。)[1]

 

เหตุใดพระนางต้องตั้งพระนามใหม่? มีข้อสันนิษฐานหลากหลายที่ถูกเล่าขานต่อกันมา

พระนางบูเช็กเทียน

——ตำนานเล่าว่า เมื่อครั้งที่พระนางบูเช็กเทียนต้องการขึ้นครองราชย์เป็นพระจักรพรรดินีนาถ ทรงมีพระประสงค์จะตั้งพระนามใหม่แก่ตนเองเพื่อแสดงถึงบุญญาบารมี สร้างความชอบธรรมในการขึ้นครองราชย์ท่ามกลางการต่อต้านจากเหล่าขุนนางบางกลุ่ม แต่ด้วยอักษรจีนที่มีอยู่ยังไม่ถูกพระทัย จึงทรงสร้างอักษรขึ้นใหม่เอง

——อีกข้อสันนิษฐานหนึ่งที่ถูกกล่าวขานก็คือ พระนามเดิมของพระนางบูเช็กเทียนคือ “อู่จ้าว” (武照 wǔ zhào) แต่เหล่าปฏิปักษ์ทางการเมืองนำพระนามมาตีความในเชิงลบเพื่อบ่อนทำลายพระเกียรติและสร้างข่าวลือ โดยกล่าวว่าเมื่อนำคำว่า 照 (zhào) มาแยกส่วนประกอบ จะได้เป็นอักษร 日 ( พระอาทิตย์) 刀 (dāo มีด ดาบ) 口 (kǒu ปาก) 火 (huǒ ไฟ) เป็นดั่งลางสังหรณ์ว่า การที่พระนางขึ้นมาอยู่เหนือบุรุษเป็นการกระทำที่ผิดทำนองคลองธรรม วันหน้าจักต้องสิ้นชีวีด้วยคมดาบหรือเปลวเพลิง ถึงแม้พระนางจะไม่ได้สนพระทัย แต่ภายหลังพระนางก็สร้างอักษร 曌 ขึ้นมาใช้แทน

——อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานใดที่ชี้ชัดว่าพระนางมีพระนามเดิมว่า “จ้าว” (照)

 

แล้วเหตุใดถึงเป็นอักษร ?

——คำว่า 曌 เป็นการรวมของอักษร 3 ตัว คือ 日 ( พระอาทิตย์) 月 (yuè พระจันทร์) และ 空 (kōng ท้องฟ้า หรือ ความว่างเปล่า) ดังนั้นจึงมีผู้ตีความว่า พระองค์เปรียบตัวเองเป็นดั่งดวงตะวันและจันทราที่ลอยเด่นเจิดจรัสอยู่กลางท้องฟ้า ส่องแสงแก่ชาวประชาทั่วหล้า (日月当空,普照天下) อีกทั้งยังแฝงนัยว่า พระนางบูเช็กเทียนเป็นบุคคลที่มีพลังหยินและหยางอยู่ในกายเดียว (阴阳一体)

——อนึ่งอักษร 曌 อาจสะท้อนแนวคิดเรื่องความเสมอภาคของบุรุษและสตรีในมุมมองของบูเช็กเทียน กล่าวคือคำว่า 照 อันมีความหมายว่า “ส่องแสง” จึงไม่ควรมีอักษร 日 (rì พระอาทิตย์)  ซึ่งเป็นพลังหยางและเป็นตัวแทนของบุรุษเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังต้องมีอักษร 月 (yuè พระจันทร์)  ซึ่งเป็นพลังหยินและเป็นตัวแทนของสตรีอยู่ข้างกันด้วย เมื่อสุริยันอยู่เคียงคู่จันทรากลางท้องนภา โลกหล้าจึงจะสว่างชั่วนิจนิรันดร์

——อีกประการหนึ่ง ยังมีการอนุมานว่า อักษร 曌 อาจมีที่มาจากคำว่า “明空” (míng kōng อ่านว่า หมิงคง แปลว่า แจ่มแจ้งในสุญญตา หรือท้องฟ้าที่สว่างไสว) อันเป็นทั้งพระนามรอง (字) และฉายาทางธรรม (法号) ขณะที่พระนางทรงผนวชเป็นภิกษุณี ดังนั้นจึงนำอักษรสองตัวนี้มาประสมกัน และใช้เป็นพระนามใหม่ของตน อย่างไรก็ตามเรื่องพระนามรองและฉายาทางธรรมนี้ เป็นเพียงข้อมูลจากประวัติศาสตร์ที่ไม่เป็นทางการเท่านั้น

——ถึงกระนั้น ในอีกแง่มุมหนึ่งก็มีผู้แสดงทัศนะว่าพระนางบูเช็กเทียนอาจไม่ใช่ผู้คิดค้นอักษร 曌 เพียงแต่เลือกนำมาใช้เป็นชื่อตนเพียงเท่านั้น โดยข้อโต้แย้งนี้อ้างอิงเนื้อความจากบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์ถังฉบับเก่า บรรพจักรพรรดินีเจ๋อเทียน 《旧唐书·则天皇后记》 ที่ว่า “รัชศกไจ้ชู ปีที่ 1 เดือนอ้าย วสันตฤดู พระนางบูเช็กเทียนเสด็จประกอบพระราชพิธีที่หอหมิงถัง พระราชทานอภัยโทษทั้งแผ่นดิน…พระนางบูเช็กเทียนใช้อักษร เป็นพระนามองค์เอง (载初元年春正月,神皇亲享明堂,大赦天下。…神皇自以「曌」字为名…)

——รวมถึง บันทึกประวัติศาสตร์จือจื้อทงเจียน บรรพราชวงศ์ถัง《资治通鉴·唐纪》 ที่ว่า

——จงฉินเค่อ ชาวเหอตง รองเสนาบดีสำนักราชเลขาธิการ ได้ปรับปรุงอักษร ’ ‘’ รวมอักษรอื่นอีก 12 ตัวขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ประกาศใช้ในปีติงไฮ่ สมเด็จพระพันปีหลวงทรงเลือกใช้อักษร เป็นพระนาม ” (…凤阁侍郎河东宗秦客,改造「天」「地」等十二二字以献,丁亥,行之。太后自名「曌」…)

——กล่าวโดยสรุปคือ จงฉินเค่อ (宗秦客 ไม่ทราบปีเกิด–ค.ศ. 691) ผู้เป็นรองเสนาบดีสำนักราชเลขาธิการ ได้ปรับปรุงตัวอักษรจีน 12 ตัวจากที่ใช้กันอยู่เดิม ทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระนางบูเช็กเทียน หนึ่งในนั้นมีอักษร 曌 และด้วยเป็นที่โปรดปราน พระนางจึงทรงเลือกใช้อักษรนี้เป็นพระนาม

——ท้ายที่สุดแล้ว ข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงการวิเคราะห์ของผู้ศึกษารุ่นหลังเท่านั้น เจตนาอันแท้จริงในการสร้างตัวอักษร รวมถึงการนำตัวอักษรดังกล่าวมาใช้เป็นพระนามของพระนางบูเช็กเทียนนั้น ไม่มีการจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรไว้อย่างชัดเจน แต่ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์ใดก็ตาม สุดท้ายแล้วตัวอักษร 曌 ก็กลายเป็นหนึ่งในตัวอักษรที่โดดเด่นและทรงคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์ จนเป็นที่จดจำจวบจนถึงทุกวันนี้

 


[1] 中国社会科学院语言研究所词典编辑室编 (2016).《现代汉语词典》(第七版).  北京:商务印书馆, 1657