หมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี
เรื่องโดย: กงจื่อเสียน

——“ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี” (吾皇萬歲 萬歲 萬萬歲) เป็นประโยคซึ่งคอซีรีส์จีนแนวย้อนยุคคงจำขึ้นใจ เรื่องใดที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับราชสำนัก ย่อมมีเสียงถวายพระพรนี้ดังกังวานครั้งแล้วครั้งเล่า จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของละครจีนโบราณไปโดยปริยาย บทความนี้จะขอนำทุกท่านไปรู้จักคำว่า “หมื่นปี” (萬歲) โดยพิสดาร ว่าถ้อยคำธรรมดาเช่นนี้กลายมาเป็นคำถวายพระพรชัยมงคลแด่จักรพรรดิได้อย่างไร
——คำว่า “หมื่นปี” ในภาษาจีน มีการใช้มานานหลายพันปี คัมภีร์ซือจิง《詩經》ซึ่งเป็นคัมภีร์โบราณที่รวบรวมบทกวีนิพนธ์ตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจวตะวันตก (西周 1,046–771 ปีก่อนค.ศ.) จนถึงช่วงกลางยุคชุนชิว (春秋 770–476 ปีก่อนค.ศ.) มีคำว่า “萬壽無疆”[1] ปรากฏอยู่ คำว่า 萬 แปลตรงตัวว่า “หมื่น” นอกจากนี้ยังมีนัยของจำนวนหรือปริมาณที่มากอีกด้วย 壽แปลว่า “อายุยืนยาว” และ 無疆 แปลว่า “ไร้ที่สิ้นสุด” เมื่อนำมารวมกันจึงหมายถึง “อายุมั่นขวัญยืนอย่างชั่วนิรันดร์” สันนิษฐานว่าคำว่า “萬歲” หรือ “หมื่นปี” ที่ใช้กันในยุคต่อมา เป็นรูปย่อของถ้อยคำเก่าแก่นี้
——เดิมทีคำว่า “หมื่นปี” มิได้ใช้ถวายพระพรแด่จักรพรรดิเพียงเท่านั้น หากแต่เป็นคำอวยพรทั่วไปที่สามารถใช้ได้ทุก
ชนชั้น มิได้ถูกจำกัดไว้สำหรับผู้ใด โดยมีความหมายในเชิงอวยพรให้อีกฝ่ายมีอายุมั่นขวัญยืน คล้ายกับภาษาไทยว่า
“จงเจริญ”
——บันทึกจ้านกั๋วเช่อ《戰國策·齊策》มีข้อความที่จดไว้ว่า “เฝิงเซวียนได้เดินทางไปยังดินแดนเซวีย (薛地) และสั่งให้เรียกประชุมราษฎรที่เป็นลูกหนี้เพื่อตรวจสอบเอกสาร จากนั้นได้อ้างบัญชาของเมิ่งฉางจวิน (孟嘗君) ยกหนี้ทั้งหมดแก่ราษฎร และเผาสัญญาหนี้ทั้งหมดทิ้ง ชาวประชาพากันกล่าวสดุดี ‘หมื่นปี’ ” [2]
——จากบันทึกดังกล่าว บุคคลซึ่งราษฎรแซ่ซ้องคือ “เมิ่งฉางจวิน” ทั้งที่เมิ่งฉางจวินเป็นเพียงขุนนางผู้สูงศักดิ์ มิใช่กษัตริย์ ทว่าชาวบ้านก็ยังคงสรรเสริญเยินยอด้วยคำว่า “หมื่นปี”
——อีกตัวอย่างหนึ่งคือข้อความใน บันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์จิ้น《晉書》ที่ว่า “จางจั้วมักมากในกาม ใจคอโหดร้าย จางจี้ว์จึงลงมือสังหาร (จางจั้ว) ชาวประชาแซ่ซ้อง ‘หมื่นปี’” [3]
——ในกรณีนี้ จางจี้ว์เป็นเพียงแม่ทัพ มิใช่กษัตริย์ แต่ราษฎรก็ใช้คำว่า “หมื่นปี” ในการสรรเสริญเขาเช่นเดียวกัน สอดคล้องกับคำบรรยายในตำราไกอี๋ว์ฉงเข่า《陔馀叢考》ของจ้าวอี้ (趙翼 ค.ศ. 1727–1814) ที่ว่า “ในสมัยโบราณ ยามที่ผู้คนร่ำสุราอวยพรแก่กัน มักใช้คำว่า ‘หมื่นปี’ เพื่อแสดงความยินดี คำนี้เดิมทีใครๆ ก็สามารถใช้เป็นคำอวยพรได้ คล้ายกับคำว่า ‘หมื่นวาสนา’ (萬福) หรือ ‘หมื่นความโชคดี’ (萬幸) เพียงแต่ในภายหลังมีการนำมาใช้ในราชสำนัก จึงค่อยๆ กลายเป็นคำเฉพาะที่สงวนไว้สำหรับจักรพรรดิเท่านั้น”[4]
🔴 จากคำสามัญ สู่วจนะอันสูงศักดิ์
——คำว่า “หมื่นปี” กลายเป็นคำเฉพาะที่ใช้กับจักรพรรดิตั้งแต่เมื่อไร? เพราะเหตุใดเวลาเข้าเฝ้าจักรพรรดิ จึงต้องถวายพระพรว่า “ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี” ? ต้นเค้าหรือที่มาของธรรมเนียมปฏิบัตินี้ ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แต่ก็มีบันทึกที่บอกเล่าถึงเรื่องราวเหล่านี้อยู่บ้าง ตำนานอันเป็นที่เลื่องลือ คือเหตุการณ์ประหลาดที่อุบัติขึ้นเฉพาะพระพักตร์จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ (漢武帝 156–87 ปีก่อนค.ศ.) สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (西漢 202 ปีก่อนค.ศ.–ค.ศ. 8)
——บันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฮั่น บรรพจักรพรรดิอู่ตี้《漢書·武帝本紀》[5] ได้จดข้อความที่เกี่ยวเนื่องกับคำถวายพระพร “หมื่นปี” (萬歲) ไว้ อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่าในรัชศกหยวนเฟิง (元封) ปีที่ 1 วสันตฤดู พระเจ้าฮั่นอู่ตี้เสด็จพระราชดำเนินไปยังภูเขาซงซาน (嵩山) ขุนนางผู้ติดตามทั้งหลายต่างก็ได้ยินเสียงก้องกังวานว่า “หมื่นปี”
สามครั้งดังออกมาจากหุบเขา พระเจ้าฮั่นอู่ตี้ทรงถือเป็นนิมิตหมายมงคลจึงโปรดให้บันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวไว้
——ต่อมาผู้คนพากันเชื่อว่าเสียงนั้นเป็นสุรเสียงของเทพภูเขา[6] ที่แสดงความเคารพพระเจ้าฮั่นอู่ตี้ คำว่า “หมื่นปี” จึงมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีการกำหนดให้ใช้คำว่า “หมื่นปี” สำหรับจักรพรรดิโดยเฉพาะ ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปคำนี้ก็ค่อยๆ ถูกจำกัดการใช้ ตำราไกอี๋ว์ฉงเข่าบรรยายไว้ว่า “กระทั่งปลายราชวงศ์ถัง ยังมีคนใช้คำนี้เพื่ออวยพร ครั้นนานวันเข้า ก็ไม่มีผู้ใดกล้าใช้แล้ว”[7]
——มีหลักฐานยืนยันว่า ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่ง (宋 ค.ศ. 960–1279) เป็นต้นมา คำว่า “หมื่นปี” ได้เลื่อนสถานะจนกลายมาเป็นคำเฉพาะสำหรับจักรพรรดิแล้ว บันทึกจีเล่ยเปียน《雞肋編》ของจวงชั่ว (莊綽 ค.ศ.1078–ไม่ทราบปีตาย) ปราชญ์สมัยราชวงศ์ซ่ง เขียนไว้ว่า “ในแถบกว่างหนาน เมื่อถึงคืนสิ้นปี ชาวประชาและทหารพากันจุดประทัด พร้อมส่งเสียงโห่ร้องว่า ‘หมื่นปี’ น่าตระหนกยิ่งนัก”[8] ด้วยเหตุนี้ ตำราไกอี๋ว์ฉงเข่าของจ้าวอี้จึงสันนิษฐานว่า ในสมัยราชวงศ์ซ่ง คำดังกล่าวได้กลายเป็นคำที่สงวนไว้เฉพาะจักรพรรดิไปแล้ว ดังนั้นเมื่อมีผู้นำมาใช้ จึงถูกมองว่าเป็นเรื่องที่น่าหวาดหวั่นยิ่ง[9]
🔴 ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี
——เมื่อคำดังกล่าวถูกกำหนดให้เป็นคำเฉพาะ ต่อมาจึงมีการบัญญัติให้ผู้ที่จะเข้าเฝ้าจักรพรรดิต้องกล่าวสดุดี “หมื่นปี” สามครั้งในลักษณะเป็นพิธีการก่อน และเรียกพิธีนี้ว่า “山呼” (อ่านว่า ซานฮู แปลตรงตัวว่า สุรเสียงจากบรรพต)
——บันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์หยวน หมวดพิธีกรรมและดนตรี《元史·禮樂志》ได้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพิธี “ซานฮู” นี้[10] ซึ่งกล่าวโดยสรุปคือ เมื่อมีการประกาศว่า “คุกเข่าซ้าย คำนับสามครั้ง” ก็จะมีการเปล่งวาจาว่า “ซานฮู” “ซานฮู” และ “ซานฮูอีกครา” (再山呼) ตามลำดับ ในบันทึกยังมีหมายเหตุเพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อเจ้าพนักงานผู้กำกับพิธีเปล่งวาจาว่า “ซานฮู” เหล่าราชองครักษ์จะต้องขานรับว่า “หมื่นปี” และเมื่อเจ้าพนักงานเปล่งวาจาว่า “ซานฮูอีกครา” เหล่าราชองครักษ์ก็จะขานรับว่า “หมื่นหมื่นปี” (萬萬歲) เป็นการปิดท้าย
——ส่วนวลี “หมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี” ซึ่งพูดติดๆ กันดังที่เห็นในละครโทรทัศน์ ก็มีเรื่องเล่าเช่นเดียวกัน กล่าวคือ เมื่อครั้งพระนางบูเช็กเทียน (武則天 อู่เจ๋อเทียน ค.ศ. 624–705) ครองราชสมบัติ แม้พระนางทรงอำนาจล้นฟ้า แต่ก็ยังปรารถนาให้บรรดาข้าราชบริพารสรรเสริญเยินยอพระองค์เพื่อยืนยันความชอบธรรมในการครองแผ่นดิน วันหนึ่ง ขณะที่พระนางกำลังประชุมกับเหล่าราชบัณฑิต ณ ท้องพระโรง ก็ทรงประพันธ์กลอนคู่ขึ้นเพื่อให้เหล่าบัณฑิตต่อวรรคถัดไป พระนางเริ่มวรรคแรกดังนี้ “ดรุณีเคาะไม้ริมสายธาร ป๊อกแป๊กป๊อกแป๊ก ป๊อกป๊อกแป๊ก” (玉女河邊敲叭梆,叭梆!叭梆!叭叭梆!) ทว่าไม่มีผู้ใดสามารถต่อกลอนได้ถูกพระทัย จนกระทั่งขุนนางผู้หนึ่งรู้เท่าทันพระประสงค์ จึงแต่งกลอนตอบไปว่า “หน้าท้องพระโรงโห่ร้องหมื่นปี หมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี!” (金鑾殿前呼萬歲,萬歲!萬歲!萬萬歲!) เมื่อสดับดังนั้น พระนางก็ทรงพอพระทัย ตรัสชื่นชมจนออกนอกหน้า นับแต่นั้นจึงมีการนำวลี “หมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี” มาใช้เป็นคำถวายพระพรจักรพรรดิอย่างแพร่หลาย
——อย่างไรก็ตาม เรื่องราวดังกล่าวไม่ปรากฏหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นเพียงเรื่องเล่านมนานที่เล่าสืบต่อกันมาในหมู่ชาวบ้านเท่านั้น
——สำหรับประเด็นนี้ ยังมีข้อสันนิษฐานว่า การกล่าวคำว่าหมื่นปีต่อกันเป็นรูปแบบเช่นนี้ อาจเริ่มเผยแพร่ผ่านงานวรรณกรรมเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทละครประเภทจ๋าจี้ว์ (雜劇)[11] สมัยราชวงศ์หยวน และนิยายสมัยราชวงศ์
หมิง (明 ค.ศ. 1368–1644) การใช้คำซ้ำเป็นกลวิธีทางวรรณศิลป์ เพื่อเน้นความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิให้เด่นชัดจนกลายเป็นแบบแผน ซึ่งอาจมีการนำไปใช้จริงและตกทอดมาจนถึงละครโทรทัศน์ในปัจจุบัน
🔴 พระหมื่นปี
——ในยุคสังคมศักดินา (封建社會) คำว่า “หมื่นปี” ยังเป็นสรรพนามที่ใช้เรียกแทนจักรพรรดิอีกด้วย เช่นคำว่า “พระหมื่นปี” (萬歲爷) ซึ่งมีปรากฏในนิยายสมัยราชวงศ์หมิง เรื่องบันทึกท่องมหาสมุทรตะวันตกของขันทีซันเป่า《三寶太監西洋記》บทที่ 57 ยอดเขาจินปี้สู่เมืองหนานจิง จางซันเฟิงเข้าเฝ้าพระหมื่นปี (金碧峰转南京城張三峰見萬歲爺) หรือจากเรื่อง “หรูหลินไว่สื่อ” 《儒林外史》บทที่ 42 ความว่า “เมื่อถึงวันที่เก้าเป็นวันน้ำค้างแข็งมีพิธีบวงสรวงธงศึก พระหมื่นปีดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ นายท่านของข้าเป็นรองแม่ทัพ” (到九日霜降祭旗,萬歲爺做大將軍,我家大老爺做副將軍。)
——ในปัจจุบัน แม้ว่าประเทศจีนจะยกเลิกระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปแล้ว คนทั่วไปสามารถใช้คำว่า “萬歲” หรือ “หมื่นปี” ในการสื่อความหมายเชิงอวยชัยให้พร หรือแสดงความยินดีได้ ทว่าไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก เนื่องจากถ้อยคำนี้มีความหมายแฝงอีกชั้นหนึ่ง และสื่อเป็นนัยถึง “การดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์”
🔴 เกร็ดประวัติศาสตร์: หมื่นปีที่ไม่มีอยู่จริง
——แม้คำถวายพระพรให้ “ทรงพระเจริญหมื่นปี” จะเป็นเพียงถ้อยคำสิริมงคลที่มุ่งหวังให้จักรพรรดิมีพระชนมพรรษายั่งยืนนาน ทว่าจักรพรรดิบางพระองค์กลับปรารถนาความมีอายุยืนยิ่งกว่าคนทั่วไป ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดการแสวงหายาอายุวัฒนะ (丹藥) เพราะถือว่ากินแล้วทำให้มีอายุยืน แม้แต่ปฐมจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อย่างจิ๋นซีฮ่องเต้ (秦始皇帝 259–210 ปีก่อนค.ศ.) ก็ยังมิอาจหลีกพ้นกับดักแห่งความใฝ่ฝันนี้ได้
——จักรพรรดิหลายพระองค์เชื่อตามเรื่องปรัมปราว่าบนมหาสมุทรมีบรรพตเทพอยู่สามแห่ง อันเป็นที่สถิตของเซียนและเป็นแหล่งเก็บยาวิเศษได้แก่ เกาะเผิงไหล (蓬萊) เกาะฟางจั้ง (方丈) เกาะอิ๋งโจว (瀛洲) จึงส่งคนออกเดินทางสืบค้นทางทะเล เพื่อเสาะหายาอายุวัฒนะ แต่สุดท้ายก็ล้วนต้องผิดหวัง
——เล่ากันว่า ยาอายุวัฒนะมีที่มาจากการเล่นแร่แปรธาตุและการรับประทานโอสถเพื่อบำเพ็ญเป็นเซียนในลัทธิเต๋า
(道教) มีแร่ธาตุจำพวกซินนาบาร์ (硃砂) หรดาล (雄黃) กำมะถัน (硫磺) ไมก้า (雲母) สารส้ม (白礬) แม่เหล็ก
(磁石) เป็นส่วนประกอบหลัก ทั้งยังมีสรรพคุณทางยา สามารถบรรเทาอาการโรคบางอย่างได้ ทว่าวัตถุเหล่านี้ต่างก็มีพิษรุนแรง เพราะถูกหลอมด้วยความร้อนเป็นเวลานาน จึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง หากรับประทานในปริมาณมาก นอกจากไม่ช่วยรักษาโรคแล้ว ยังอาจเร่งให้ผู้เสพเสียชีวิตเร็วขึ้นด้วย
——ในประวัติศาสตร์จีน มีจักรพรรดิหลายพระองค์ที่สวรรคตเพราะหมกมุ่นกับการแสวงหาความเป็นอมตะ เช่น
- จักรพรรดิจิ้นไอตี้ (晉哀帝 ค.ศ. 341–365) สวรรคตเพราะเสวยยาอายุวัฒนะ
- จักรพรรดิถังเซี่ยนจง (唐憲宗 ค.ศ. 778–820) เสวยยาอายุวัฒนะจนพระอุปนิสัยเปลี่ยนไป พระทัยร้อน แข็งกร้าว และมักทำร้ายข้าราชบริพาร สุดท้ายถูกขันทีลอบปลงพระชนม์
- จักรพรรดิถังเซวียนจง (唐宣宗 ค.ศ. 810–859) เสวยยาอายุวัฒนะจนพิษกำเริบ พระวรกายทรุดโทรมลงเรื่อยๆ จนไม่อาจเสด็จออกว่าราชการได้ตามปรกติ และสวรรคตในที่สุด
——เรื่องทำนองนี้สะท้อนภาพชีวิตจริง แม้จะได้รับพรจากเหล่าขุนนางและชาวประชาให้ทรงพระเจริญหมื่นปี ทว่าหากคลั่งไคล้ยาอายุวัฒนะจนเกินไป ความปรารถนาในอมตภาพก็อาจกลับกลายเป็นพิษภัยที่บั่นทอนอายุพระองค์เอง อย่าว่าแต่หมื่นปีเลย แม้เพียงการมีอายุยืนถึงร้อยปี ก็ยังเป็นสิ่งที่ยากจะสมหวัง
——คนรุ่นหลังสามารถใช้บทเรียนดังกล่าวในประวัติศาสตร์เป็นเครื่องเตือนใจ ให้ดำเนินชีวิตโดยยึดหลักเหตุผล ไม่ฝืนธรรมชาติของมนุษย์ เพราะการไขว่คว้าสิ่งลวงตาอาจนำมาซึ่งผลร้ายในภายหลังอย่างไม่คาดคิด
[1]《詩經·小雅·天保》: 君曰:卜爾,萬壽無疆。/《詩經·豳風·七月》:稱彼兕觥,萬壽無疆。
[2]《戰國策·齊策》:驅而之薛,使吏召諸民當償者,悉來合券。券遍合,起矯命以責賜諸民,因燒其券,民稱萬歲。
[3]《晉書》:張祚淫虐,張琚殺之,國人皆呼萬歲。
[4]《陔餘叢考》:蓋古人飲酒必上壽稱慶曰萬歲,其始上下通用爲慶賀之詞,猶俗所雲萬福、萬幸之類耳。因殿陛之間用之,後乃遂爲至尊之專稱。
[5]《漢書·武帝本紀》:翌日親登嵩高,禦史乘屬,在廟旁吏卒咸聞呼萬歲者三。
[6]《漢書·武帝本紀》:荀悅注曰:萬歲,山神稱之也。
[7]《陔餘叢考》:故唐末猶有以爲慶賀者,久之,遂莫敢用也。
[8] 《雞肋編》:廣南歲除爆竹,軍民環聚大呼萬歲,尤屬可駭。
[9] 《陔餘叢考》:是宋時久已爲君上之稱,故以此爲可駭。
[10] 《元史·禮樂志》:曰「跪左膝,三叩頭」,曰「山呼」,曰「山呼」,曰「再山呼」,〈凡傳「山呼」,控鶴呼譟應和曰「萬歲」,傳「再山呼」,應曰「萬萬歲」。後倣此 〉
[11] จ๋าจี้ว์ (雜劇) คือศิลปะการแสดงพื้นบ้านของจีน ซึ่งมีรูปแบบการแสดงที่หลากหลาย ทั้งร้อง พูด รวมถึงร่ายรำ คล้ายกับการแสดง “ละครพันทาง” ของไทย
——