สำนวน 故劍情深
กับตำนานรักแห่งราชวงศ์ฮั่น

เรื่องโดย: เดชาวัต เนตยกุล


——“故劍情深” (gù jiàn qíng shēn) เป็นสำนวนจีนซึ่งใช้กันมาแต่โบราณ หากแปลตามตัวอักษร สำนวนนี้ย่อมมีความหมายว่า “กระบี่เล่มเก่าเก็บรักสลักใจ” ทว่าแท้จริงแล้ว คำว่า 故劍 (gù jiàn กระบี่เล่มเก่า) ในที่นี้มีความหมายโดยนัยว่า “ภรรยาคนแรกผู้เป็นที่รักยิ่ง” ที่มาของสำนวนดังกล่าวเกี่ยวโยงกับเรื่องราวความรักอันติดตรึงใจระหว่างจักรพรรดิฮั่นเซวียนตี้ (漢宣帝 91–48 ปีก่อนค.ศ.) กับฮองเฮาสี่ว์ผิงจวิน (許平君 ราว 90–71 ปีก่อนค.ศ) สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (西漢 202 ปีก่อนค.ศ.–ค.ศ.8)

——เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อครั้งจักรพรรดิฮั่นเซวียนตี้ยังทรงพระเยาว์ พระองค์มีพระนามเดิมว่า หลิวปิ้งอี่ (劉病已) เป็นพระโอรสของหลิวจิ้น (劉進 ราว 112–91 ปีก่อนค.ศ.) ซึ่งเป็นพระราชนัดดาในจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ (漢武帝 156-87 ปีก่อนค.ศ.) ส่วนพระมารดานามว่าหวังเวิงซีว์ (王翁須 ไม่ทราบปีเกิด–91 ปีก่อนค.ศ.) หลังจากหลิวปิ้งอี่ประสูติได้ไม่กี่เดือน วงศ์ตระกูลของพระองค์ก็ประสบเคราะห์กรรมเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง “หายนะจากคุณไสย” (巫蠱之禍) เหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลให้ รัชทายาท “หลิวจี้ว์” (劉據 128–91 ปีก่อนค.ศ.) ผู้มีศักดิ์เป็นพระอัยกา (ปู่) ถูกบีบคั้นจนต้องกระทําอัตวินิบาตกรรม ส่วนพระบิดาและพระมารดาต่างก็ถูกสำเร็จโทษ หลิวปิ้งอี่แม้จะรอดชีวิต แต่ก็ถูกกักคุมตัวชั่วคราว เคราะห์ดีที่มีขุนนางผู้จงรักนามว่า “ปิ่งจี๋” (丙吉 ไม่ทราบปีเกิด–55 ปีก่อนค.ศ.) คอยค้ำชูจึงดำรงชีวิตอยู่ได้เรื่อยมา

จักรพรรดิฮั่นเซวียนตี้ | ภาพจากหนังสือ《三才圖會》สมัยราชวงศ์หมิง

——ครั้นเวลาผ่านไป จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้พระราชทานอภัยโทษผู้ต้องขังทั้งแผ่นดิน ปิ่งจี๋จึงส่งหลิวปิ้งอี่ไปให้ญาติฝ่ายพระอัยยิกา (ย่า) ดูแล หลังจากนั้นไม่นานนัก ราชสำนักก็ได้คืนฐานันดรให้แก่หลิวปิ้งอี่ และนำเขาไปอภิบาลที่ตำหนักเย่ถิง (掖庭)[1] ซึ่งถึงแม้จะอยู่ในเขตพระราชฐาน แต่หลิวปิ้งอี่ก็วางตัวเยี่ยงสามัญชน

——ตลอดระยะเวลาที่พระองค์พำนักในตำหนักเย่ถิง ทรงได้รับการอุปถัมภ์จาก “จางเฮ่อ” (張賀) ผู้คุมตำหนักซึ่งเคยพึ่งใบบุญอดีตรัชทายาทหลิวจี้ว์ จางเฮ่อปรนนิบัติหลิวปิ้งอี่เป็นอย่างดี ทั้งยังคอยส่งเสียค่าเล่าเรียนจนกระทั่งพระองค์เจริญวัย

——จางเฮ่อจับตาดูหลิวปิ้งอี่ตั้งแต่เล็กจนโต ด้วยความผูกพันจึงหมายใจจะยกหลานสาวให้เป็นภรรยาของหลิวปิ้งอี่ แต่แม่ทัพจางอันซื่อ (張安世 ไม่ทราบปีเกิด–62 ปีก่อนค.ศ.) ผู้เป็นน้องชายคัดค้าน เนื่องด้วยหลิวปิ้งอี่สืบวงศ์ตระกูลเดียวกันกับอดีตรัชทายาท ซึ่งเป็นผู้มัวหมองเพราะต้องคดีหายนะจากคุณไสยในอดีต ต่อมาไม่นาน จางเฮ่อนึกขึ้นได้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิทชื่อ “สีว์ก่วงฮั่น” (許廣漢 ไม่ทราบปีเกิด–61 ปีก่อนค.ศ.) มีบุตรีนามว่า “สี่ว์ผิงจวิน” จึงทำตัวเป็นพ่อสื่อชักนำทั้งสองให้พบรู้จักรักใคร่และแต่งงานกัน รัชศกหยวนเฟิ่ง (元鳳) ปีที่ 6 (75 ปีก่อนค.ศ.) หลิวปิ้งอี่และสี่ว์ผิงจวินได้ครองคู่กันฉันสามี-ภรรยา หลังจากร่วมเรียงเคียงหมอนกันหนึ่งปี ทั้งสองก็ให้กำเนิดบุตรชาย นามว่า “หลิวซื่อ” (劉奭 74–33 ปีก่อนค.ศ.) หน่อเนื้อเชื้อไขผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ

พงศาวลีของจักรพรรดิฮั่นเซวียนตี้

——รัชศกหยวนผิง (元平) ปีที่ 1 (74 ปีก่อนค.ศ.) จักรพรรดิฮั่นเจาตี้ (漢昭帝 94–74 ปีก่อนค.ศ.)[2] สวรรคตโดยไร้รัชทายาท แม่ทัพใหญ่ฮั่วกวง (霍光 ไม่ทราบปีเกิด–68 ปีก่อนค.ศ.) จึงสถาปนา “หลิวเฮ่อ” (劉賀 92–59 ปีก่อนค.ศ.)[3] พระราชนัดดาในจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ขึ้นสืบราชสมบัติ ทว่าหลังจากครองราชย์ได้เพียง 27 วัน พระองค์ก็ถูกแม่ทัพฮั่วกวงปลดจากราชบัลลังก์ ด้วยเหตุประพฤติผิดทำนองคลองธรรม เป็นภัยคุกคามแก่แผ่นดิน จากนั้นจึงสถาปนา “หลิวปิ้งอี่” ผู้มีศักดิ์เป็นพระราชปนัดดา (เหลน) สายหลักของจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ขึ้นเป็นจักรพรรดิพระองค์ที่ 10 แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “จักรพรรดิฮั่นเซวียนตี้”

ฮั่วกวง | ภาพจากหนังสือ《三才圖會》สมัยราชวงศ์หมิง

——แม้จักรพรรดิฮั่นเซวียนตี้จะเสวยราชย์แล้ว ทว่าตำแหน่งจอมมารดรแห่งแผ่นดินยังคงว่างอยู่ สี่ว์ผิงจวิน ภรรยาของหลิวปิ้งอี่เมื่อถวายตัวเข้าวัง ก็ได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศเป็นเพียงมเหสีลำดับ “เจี๋ยอี๋ว์” (婕妤)[4] ขณะเดียวกัน เหล่าขุนนางได้ลงความเห็นให้แต่งตั้ง “ฮั่วเฉิงจวิน” (霍成君 ไม่ทราบปีเกิด–54 ปีก่อนค.ศ.) บุตรีของแม่ทัพใหญ่ฮั่วกวงขึ้นเป็นฮองเฮา (皇后 อัครมเหสี)  ทั้งนี้เพราะจักรพรรดิใหม่ควรมีตระกูลที่เรืองอำนาจคอยค้ำจุนราชบัลลังก์ แต่จักรพรรดิฮั่นเซวียนตี้กลับมิได้มีพระราชประสงค์เช่นนั้น เนื่องจากพระองค์ไม่อาจบอกปัดข้อเสนออย่างตรงไปตรงมาได้ จึงออกอุบายอันแยบคายให้เหล่าขุนนางช่วยกันสืบหา “กระบี่เก่า” เล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นเล่มที่พระองค์เคยใช้ยามตกระกำลำบาก ในที่สุดเหล่าขุนนางก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า พระองค์ทรงปรารถนาจะยกย่องภรรยาซึ่งเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา จึงพร้อมใจกันกราบบังคมทูลเสนอให้สถาปนาสี่ว์ผิงจวินขึ้นเป็นฮองเฮา

ภาพมีรับสั่งให้หากระบี่เล่มเก่า《詔求故劍》 จากตำรา 《聖諭像解》 สมัยราชวงศ์ชิง (清 ค.ศ. 1616–1911)

——เรื่องราวดังกล่าวได้รับการบันทึกไว้ใน บันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฮั่น บรรพพระประยูรญาติฝ่ายนอก เล่มต้น《漢書·外戚傳上》ความว่า “เหล่าขุนนางพากันหารือเรื่องสถาปนาพระอัครมเหสี ต่างหมายมั่นให้แต่งตั้งบุตรีแม่ทัพฮั่ว แต่กลับมิมีผู้ใดออกปาก จักรพรรดิทรงมีรับสั่งให้สืบหากระบี่เล่มเก่าที่เคยใช้ยามตกระกำลำบาก เหล่าขุนนางรู้ความนัย จึงกราบบังคมทูลให้สถาปนาสี่ว์เจี๋ยอี๋ว์เป็นอัครมเหสี”[5]

——ที่มาของสำนวนนี้ เกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวที่เล่ามาข้างต้น และดูเหมือนจะลงท้ายด้วยความสุขสมหวัง ทว่าประวัติศาสตร์มิใช่เทพนิยายพาฝัน ซึ่งคู่พระคู่นางจะครองรักกันไปจนชั่วฟ้าดินสลาย

——ครั้นย่างเข้ารัชศกเปิ่นสื่อ (本始) ปีที่ 3 (71 ปีก่อนค.ศ.) สี่ว์ฮองเฮาทรงพระครรภ์อีกครั้ง “ฮั่วเสี่ยน” (霍顯 ไม่ทราบปีเกิด–66 ปีก่อนค.ศ.) ภรรยาของแม่ทัพฮั่วกวง กับหมอหญิง “ฉุนอี๋ว์เหยี่ยน” (淳於衍) ฉวยโอกาสนี้คบคิดกันลอบวางยาพิษปลงพระชนม์สี่ว์ฮองเฮา เพื่อปูทางให้ฮั่วเฉิงจวิน บุตรีของตนขึ้นเป็นฮองเฮาองค์ต่อไป ด้วยเหตุนี้ สี่ว์ฮองเฮาจึงสวรรคตอย่างกะทันหัน ขณะมีพระชนมายุเพียง 19 พรรษา และได้รับการเลื่อนพระอิสริยยศเฉลิมพระนามเป็น “กงไอฮองเฮา” (恭哀皇后) พระศพถูกฝังไว้ที่สุสานตู้หลิง (杜陵南園)[6] ส่วนฮั่วเฉิงจวินก็ได้เป็นฮองเฮาสมความมุ่งมาดปรารถนาของตระกูลฮั่ว

ฮองเฮาสี่ว์ผิงจวิน จาก《新刊古列女傳》

——การสวรรคตของสี่ว์ฮองเฮาสร้างความโทมนัสอย่างใหญ่หลวงแก่จักรพรรดิฮั่นเซวียนตี้ ไม่กี่ปีต่อมา แม่ทัพใหญ่ฮั่วกวงก็ถึงแก่อสัญกรรม อำนาจปกครองทางบ้านเมืองจึงค่อยๆ กลับคืนสู่จักรพรรดิฮั่นเซวียนตี้ดังเดิม ตระกูลฮั่วเริ่มหวาดผวาเกรงว่าจะมีภัยเลยคิดก่อกบฏ นอกจากนี้ฮั่วเสียนและฮั่วเฉิงจวินยังพยายามลอบปลงพระชนม์รัชทายาทหลิวซื่อแต่กลับไม่สำเร็จ สุดท้ายจักรพรรดิฮั่นเซวียนตี้ก็สามารถโค่นอำนาจของตระกูลฮั่วจนสิ้นซาก เงื่อนงำการลอบปลงพระชนม์สี่ว์ฮองเฮาและรัชทายาทหลิวซื่อของฮั่วเสี่ยนกับฮั่วเฉิงจวินเลยถูกเปิดโปง ด้วยเหตุนี้ ฮั่วเฉิงจวินจึงถูกปลดจากตำแหน่งฮองเฮา และกระทำอัตวินิบาตกรรมในภายหลัง ส่วนฮั่วเสี่ยนและบรรดาสมาชิกตระกูลฮั่วก็ถูกประหารให้ตายตกไปตามกัน

——บันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฮั่น ได้จดบันทึกเรื่องราวในช่วงนี้ไว้ว่า “ครั้นความเรื่องอัครมเหสีฮั่วปลงพระชนม์อัครมเหสีสี่ว์ค่อยๆ เป็นที่ประจักษ์ ฮั่วเสี่ยนจึงสมคบกับเหล่าบุตรเขยและน้องชายวางแผนก่อการกบฏ ทว่าแผนการรั่วไหล จึงถูกประหารสิ้น (จักรพรรดิ) มีรับสั่งให้เจ้าพนักงานแจ้งพระราชโองการแด่อัครมเหสีความว่า ‘อัครมเหสีหลงผิดประพฤติมิชอบ จิตใจไร้ซึ่งคุณธรรม ร่วมมือกับมารดาหมายประทุษร้ายรัชทายาท ปราศจากความเมตตาของผู้เป็นมารดร มิคู่ควรประกอบพิธีในศาลบูรพกษัตริย์และไม่อาจสืบทอดอาณัติสวรรค์ได้ น่าเศร้าใจยิ่งนัก มีบัญชาให้ย้ายออกจากพระตำหนัก และคืนราชลัญจกรประจำตำแหน่งแก่เจ้าพนักงาน’ อัครมเหสีฮั่งทรงดำรงตำแหน่งได้ห้าปี ก็ถูกปลดไปประทับที่ตำหนักเจาไถ[7]

——แม้สี่ว์ฮองเฮาจะสวรรคตแล้ว แต่ความเสน่หาอาลัยซึ่งจักรพรรดิฮั่นเซวียนตี้มีให้พระนางหาได้เสื่อมคลายไม่ เล่ากันว่า จักรพรรดิฮั่นเซวียนตี้มีพระราชประสงค์จะสถาปนาฮองเฮาพระองค์ที่สาม แต่พระองค์กลับทรงเลือกพระสนมซึ่งไม่เป็นที่โปรดปรานและไม่มีหน่อเนื้อเชื้อไข ให้มาเป็นฮองเฮาและเลี้ยงดูรัชทายาทหลิวซื่อ ด้วยทรงเกรงว่า หากเลือกพระสนมที่มีผู้สืบสายโลหิต ย่อมจะไม่เป็นผลดีแก่อนาคตขององค์รัชทายาท

——ครั้นรัชทายาทหลิวซื่อทรงเจริญวัย กลับมีพระนิสัยที่ไม่ค่อยลงรอยกับจักรพรรดิฮั่นเซวียนตี้ จนจักรพรรดิฮั่นเซวียนตี้มีพระราชดำริจะเปลี่ยนรัชทายาท แต่เมื่อทรงรำลึกถึงสี่ว์ฮองเฮาผู้ล่วงลับ ก็ล้มเลิกพระดำรินั้น หลิวซื่อจึงได้สืบราชสมบัติเป็นจักรพรรดิฮั่นหยวนตี้ในที่สุด

——เรื่องราวความรักอันสลักแน่นอยู่ในใจนี้ มีการเล่าขานสืบต่อกันมาหลายยุคสมัย คำว่า 故劍 หรือกระบี่เล่มเก่า จึงมีความหมายโดยนัยว่าภรรยาคนเก่าไปโดยปริยาย ชนรุ่นหลังจึงนิยมใช้สำนวน “故劍情深” เพื่อสื่อความหมายในแง่ความรักอันมั่นคงที่มีต่อภรรยาคนแรก ซึ่งเคยร่วมทุกข์ร่วมสุข ฝ่าฟันช่วงเวลาอันยากลำบากมาด้วยกัน

 


[1] หนึ่งในตำหนักสมัยราชวงศ์ฮั่น มักใช้เป็นที่พำนักของบรรดาสนม รวมทั้งข้าราชบริพารหญิงในพระราชวัง

[2] จักรพรรดิฮั่นเจาตี้ พระนามเดิม “หลิวฝูหลิง” (劉弗陵) พระราชโอรสในจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ และโกวอี้ฟูเหริน (鉤弋夫人 113-88 ปีก่อนค.ศ.) เป็นจักรพรรดิองค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันตก

[3] หลิวเฮ่อ พระโอรสในหลิวป๋อ (劉髆 ไม่ทราบปีเกิด–ราว 88 ปีก่อนค.ศ.)  ภายหลังขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันตก

[4] ในรัชสมัยจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้จนถึงก่อนรัชสมัยจักรพรรดิฮั่นหยวนตี้ เจี๋ยอี๋ว์เป็นตำแหน่งรองจากฮองเฮา 1 ขั้น

[5] “公卿議更立皇后,皆心儀霍將軍女,亦未有言。上乃詔求微時故劍,大臣知指,白立許倢伃為皇后。”

[6] อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของนครซีอาน (西安) มณฑลส่านซี (陝西) ในปัจจุบัน

[7] 《漢書·卷九十七上·外戚傳第六十七上》:后殺許后事頗洩,顯遂與諸婿昆弟謀反,發覺,諧誅滅。使有司賜皇后策曰:「皇后熒惑失道,懷不德,挾毒與母博陸宣成侯夫人顯謀欲危太子,無人母之恩,不宜奉宗廟衣服,不可以承天命。嗚呼傷哉!其退避宮,上璽綬有司。」霍后立五年,廢處昭臺宮。