เกร็ดความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจีนยุคโบราณ
เรื่องโดย ดวงกมล ตั้งสถิตโชติ
แม้ว่าสังคมจีนสมัยโบราณจะอยู่ในบริบทของระบบตระกูลแซ่[1] (宗族制度) การทำหน้าที่แก้ไขความขัดแย้ง หรือยุติข้อพิพาทโดยส่วนใหญ่จะขึ้นกับอำนาจของประมุขในชุมชนนั้นๆ แต่ในขณะเดียวกันชาวจีนก็เล็งเห็นถึงความสำคัญของกฎหมายมาตั้งแต่โบราณกาล เช่น กำหนดกฎระเบียบข้อบังคับเพื่อรักษาความสงบ และความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม
- กฎหมายสมัยเซี่ย – ต้นแบบบทลงโทษของจีน
ย้อนไปเมื่อสี่พันปีที่แล้วในสมัยราชวงศ์เซี่ย (夏 ประมาณ 2,070 – 1,600 ปีก่อนคริสต์ศักราช) พบร่องรอยของร่างกฎหมายซึ่งนับเป็นกฎหมายจีนยุคแรกเริ่ม แม้ว่ากฎหมายฉบับนี้ได้สูญหายไปในสมัยต่อมา แต่เจิ้งเสวียน(鄭玄 ค.ศ.127- 200) บัณฑิตสำนักหรู (儒家) สมัยฮั่นตะวันออก (東漢 ค.ศ. 25 – 220) ได้ศึกษาและบันทึกไว้ว่า “กฎหมายแห่งราชวงศ์เซี่ยมีการประกาศบทลงโทษ โดยระบุความผิดที่มีโทษประหารชีวิตจำนวน 200 ข้อ ความผิดที่มีโทษตัดหัวเข่า 300 ข้อ ความผิดที่มีโทษตัดอวัยวะสืบพันธุ์ 500 ข้อ และความผิดที่มีโทษตัดจมูกและสักหมึกบนใบหน้า 1,000 ข้อ” บทบัญญัติดังกล่าวถือได้ว่าเป็นต้นแบบของการลงทัณฑ์นักโทษในสังคมจีน เรียกกันในวงกว้างว่า ‘อู่สิง’ (五刑 บทลงโทษทั้งห้า)
- ‘สิง’ วิธีการลงโทษของจีนสมัยโบราณ
การบังคับใช้กฎหมายของสังคมจีนก่อนสมัยราชวงศ์ฉิน (先秦時期 ยุคหินเก่า – 221 ปีก่อนคริสต์ศักราช) เรียกว่า ‘สิง’ (刑)เดิมสื่อความหมายในเชิงการลงโทษทางกาย (Corporal punishment) และโทษประหารชีวิตเป็นสำคัญ เช่น ราชวงศ์เซี่ย (ประมาณ 2,070-1,600 ปีก่อนคริสต์ศักราช) บังคับใช้ ‘เซี่ยสิง’ (夏刑)หรือ ‘อี่ว์สิง’(禹刑) และราชวงศ์ซาง (商 ประมาณ 1,600 -1,046 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ก็มี ‘ทังสิง’ (湯刑), ‘เซี่ย’ เป็นชื่อเรียกราชวงศ์แรกตามที่บันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์จีน ส่วน ‘อี่ว์’ (禹) เป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์เซี่ย ผู้ทรงมีคุณูปการช่วยเหลือราษฎรให้พ้นจากอุทกภัย
ระบบการแบ่งที่นาออกเป็น 9 ส่วน
อักษร 刑 เขียนในรูปแบบอักษรภาพว่า 㓝 ประกอบด้วยอักษร 2 ตัว ข้างซ้ายคืออักษร 井[2] บางตัวมีการเติมจุดตรงกลางเป็น ในที่นี้สื่อความหมายถึงการนำขื่อมาจองจำนักโทษเพื่อป้องกันมิให้นักโทษหลบหนี
ส่วนข้างขวา คือ刂 ที่มาจาก อันเป็นสัญลักษณ์ของ ‘มีด’, ‘ดาบ’ อักษร 㓝 จึงสื่อความหมายได้ว่า การใช้มีดปลิดชีพผู้กระทำผิด ซึ่งสะท้อนความทารุณโหดร้ายในการลงโทษผู้คนเพื่อรักษากฎกติกาของสังคมยุคทาสก่อนจะเข้าสู่สังคมศักดินา
อักษร ‘สิง’ (刑) ในสมัยโบราณมีการเขียนหลายแบบ เช่น (ดูจากรูปภาพ)
- อักษร 刑 ในรูปแบบอักษรสำริด หรืออักษรโลหะ(金文)อักษรประเภทนี้เกิดการจาร หรือหลอมตัวอักษรลงบนเครื่องสำริดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนระฆัง(种)และกระถางสามขา(鼎)ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงกลางสมัยราชวงศ์ซาง และใช้กันอย่างแพร่หลายในสมัยราชวงศ์โจว
เมื่อเปรียบเทียบกับอักษร ‘สิง’ (刑) ที่ใช้ในปัจจุบัน พบว่ารูปแบบตัวอักษรบางตัวยังคงเดิม นั่นคือสัญลักษณ์อันสื่อความหมายถึง มีด, ดาบ ( อักษรปัจจุบัน 刀) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการลงโทษ
นอกจากนี้ยังมีผู้ให้ความคิดเห็นอีกอย่างว่า อักษร ‘สิง’ (刑) ก่อรูปขึ้นจากการแบ่งสรรและควบคุมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในสังคมทาส กล่าวคือ มีบ่อน้ำตั้งอยู่กลางทุ่งนา มีคนถือมีด
คอยเฝ้าตามความประสงค์ของนายทาส ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้แรงงานทาสแอบตักน้ำดื่มหรือคนนอกมาขโมยน้ำ หากผู้ใดมาขโมยหรือแย่งน้ำกัน ผู้นั้นก็จะถูกตัดศีรษะ ซึ่งเป็นภาพที่สะท้อนการใช้กฎเถื่อนของสังคมจีนในสมัยนั้น
- ‘ลี่ว์’ กับ ‘ฝ่า’ วิถีการแสวงหาความยุติธรรมของคนจีน
อักษรกระดองเต่า ‘ลี่ว์’ (律) ซึ่งนั้น เขียนในรูปแบบอักษรภาพว่า อักษรข้างซ้ายคือ
เป็นสัญลักษณ์ของการปฏิบัติหรือการกระทำ ส่วนข้างขวา
เป็นสัญลักษณ์ของ ‘มนุษย์ผู้ถือพู่กันจีน’ หมายถึง คนที่บัญญัติกฎหมาย ซึ่งในสมัยโบราณถือเป็นภารกิจสำคัญของเจ้าผู้ปกครอง
- อักษร ‘ฝ่า’ 法 หรืออักษรเดิม 灋 ซึ่งเขียนตามรูปแบบอักษรกระดองเต่านั้น ประกอบด้วยส่วนประกอบ 3 ส่วน ได้แก่ 氵、廌 และ去 ปัจจุบันหมายถึง ‘กฎหมาย’ หรือ ‘กฎเกณฑ์’ เช่นกันส่วนข้างซ้าย 氵เป็นสัญลักษณ์ของ ‘น้ำ’ หมายถึง ‘ความสงบของผิวน้ำ’ ตามทัศนคติของคนจีนโบราณ
ส่วนข้างซ้าย 氵เป็นสัญลักษณ์ของ ‘น้ำ’ หมายถึง ‘ความสงบของผิวน้ำ’ ตามทัศนคติของคนจีนโบราณ
ส่วนประกอบ 廌 (zhì) คือจื้อ เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งในเทพนิยายจีน มีศีรษะคล้ายสิงโต แต่มีเขายาวหนึ่งเขา ตามตำนานเล่าว่า สัตว์เทพนี้มีญาณหยั่งรู้สามารถแยกแยะสิ่งผิดชอบชั่วดีได้ หากพบว่าผู้ใดกระทำผิดหรือขาดความเที่ยงธรรมก็จะใช้เขาขวิดผู้นั้น
ส่วนข้างล่าง 去 มีความหมายว่า “ขับไล่ หรือ ขจัดให้สิ้นไป”
‘น้ำ สัญลักษณ์แห่งความสงบ’ ‘การแยกแยะผิดชอบชั่วดีด้วยอิทธิฤทธิ์ของสัตว์เทพนามว่าจื้อ 廌 ’ และ ‘ขจัดสิ่งชั่วร้ายให้สิ้นไป’ ส่วนประกอบทั้งสามที่ประกอบกันเป็นคำ 灋 จึงสะท้อนภาพการแสวงหาความยุติธรรมของคนจีนสมัยโบราณได้เป็นอย่างดี
- การลงโทษสุดหฤโหดในสมัยราชวงศ์ซาง
ในสมัยราชวงศ์ซางมีการลงโทษผู้กระทำผิดอย่างทารุณ ราชสำนักซางได้ออกกฎหมายอาญา ตั้งกรมยุติธรรม สร้างเรือนจำ และใช้เครื่องมือลงโทษต่างๆ อีกทั้งยังแต่งตั้งตำแหน่งผู้คุมขังและเพชฌฆาต
ตามบันทึกประวัติศาสตร์ “สื่อจี้” หมวดจดหมายเหตุแห่งเมืองยิน (史記.殷本紀) บันทึกไว้ว่า พระเจ้าโจ้ว(紂王ไม่ทราบปีประสูติ – 1,046 ปีก่อนคริสต์ศักราช)มีรับสั่งให้กำหนดบทลงโทษสถานหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนาบด้วยเหล็กที่มีความร้อนสูง เรียกว่า “เผาลั่ว” (炮烙) คือตั้งเสาทำด้วยโลหะทองแดง แล้วนำนักโทษมามัดไว้กับเสา จากนั้นสุมไฟเผาให้ร้อนระอุจนนักโทษผู้นั้นตายอย่างทรมานในที่สุด นอกจากนี้ยังมีการลงโทษด้วยวิธีอื่นๆ เช่น คว้านท้อง ฝังทั้งเป็น ทุบตีจนตาย รวมถึงการลงโทษทั้งโคตร ในบันทึกประวัติศาสตร์ซ่างซูไท่สื่อ (尚書太史) บันทึกไว้ว่า “นักโทษผู้นั้นเป็นคนของตระกูล…”
สาเหตุสำคัญที่พระเจ้าโจ้วกดขี่ข่มเหงและทำร้ายประชาชนตามอำเภอใจนั้นเกิดมาจากทิฐิมานะและเชื่อมั่นในอาณัติแห่งสวรรค์ ประกอบกับความล้าหลังของวัฒนธรรมทางสังคม อนึ่งการลงโทษอย่างทารุณโหดร้าย ยังสะท้อนภาพความรุนแรงที่ชนชั้นนำในสมัยนั้นกระทำต่อสามัญชนอีกด้วย
- ‘จิ่วสิง’ (九刑) ในสมัยราชวงศ์โจว
สืบทอดจาก ‘อู่สิง’ (五刑) ตั้งแต่สมัยราชวงศ์เซี่ยจนถึงยุคราชวงศ์โจว (周 ประมาณ 1,046 – 256 ปีก่อนคริสต์ศักราช) มีการประกาศใช้กฎหมายฉบับ ‘จิ่วสิง’ (九刑) หมายถึง บทลงโทษทั้ง 9 ได้แก่
1.โม่ (墨) คือ การสักด้วยหมึกบนใบหน้าเพื่อประจาน
2.อี้ (劓) คือ ตัดจมูก
3.เฟ่ย (剕) คือ ตัดเท้าหรือหัวเข่า
4.กง (宫) คือ ตัดอวัยวะเพศ
5.ต้าพี่ (大辟) คือ ประหารชีวิต
6.หลิว (流) คือ เนรเทศ
7.สู (贖) คือ ไถ่ตัวด้วยการใช้เงินหรือแรงงานแลกเปลี่ยน
8.เปียน (鞭) คือ เฆี่ยนด้วยแส้
9.ผู (撲) คือ ใช้ไม้ตีหรือโบยหลัง
อย่างไรก็ตาม บทเรียนการล่มสลายของราชวงศ์เซี่ยและซาง ส่งผลให้ชนชั้นปกครองในยุคหลังเริ่มตระหนักถึงผลเสียของวิธีการลงโทษทางกายอย่างรุนแรง ซึ่งสร้างความไม่มั่นคงต่อการปกครองบ้านเมืองได้เช่นกัน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของผู้ปกครองและไม่ให้เสื่อมเสียพระเกียรติ พระเจ้าโจวอู่(周武王ประมาณ 1,076 -1,043 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์โจวตะวันตก (西周ประมาณ 1046 – 771 ปีก่อนคริสต์ศักราช) จึงเสนอแนวคิดการบริหารบ้านเมืองด้วยหลักจารีตธรรมเนียม(以禮治國)แม้ยังมีการลงโทษอย่างร้ายแรงอยู่ แต่ก็ทรงสนับสนุนให้ใช้กฎหมายอย่างรอบคอบโดยเน้นคุณธรรม จริยธรรม และตัดสินการลงโทษโดยใช้ดุลพินิจทางปกครองด้วยความระมัดระวัง (明德慎罰) อีกทั้งดำเนินนโยบายโน้มน้าวให้ประชาชนทำความดีเพื่อมิให้ตกเป็นผู้ต้องโทษในภายหลัง
[1]ระบบตระกูลแซ่ คือยึดระบบและความสัมพันธ์ของครอบครัวจีนเป็นพื้นฐาน รวมถึงโครงสร้างของครอบครัว
ความนึกคิดในเรื่องของครอบครัว บทบาทของครอบครัว จริยธรรมของครอบครัว นโยบายของครอบครัว เหล่านี้เป็นต้น (ถาวร สิกขโกศล,“แซ่และระบบตระกูลแซ่ของจีน” ก่อศักดิ์๖๐: นานาสาระสยาม-จีนวิทยา)
[2] อักษร 井 ที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน หมายถึง บ่อน้ำ แหล่งกักเก็บน้ำใต้ดินโดยใช้อุปกรณ์ขุดเจาะลงไปใต้ดินในสมัยโบราณ ภายหลังได้พัฒนาเป็นการจัดสรรที่ดินให้แก่ชาวนาเพื่อทําเกษตรกรรม เรียกว่า ‘จิ่งเถียนจื้อ’ (井田制) คือ ระบบการแบ่งที่นาออกเป็น 9 ส่วน ซึ่งคล้ายกับอักษรภาพ 井