ชังกุ่ย (倀鬼): คติความเชื่อเรื่องเสือสมิงในนิยายปรัมปราของจีน

เรื่องโดย: 云海


——ผู้ซึ่งชื่นชอบเรื่องลี้ลับและสยองขวัญคงต้องเคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวของ “เสือสมิง” กันมาไม่มากก็น้อย ตามตำนานนั้น เสือสมิงคือเสือที่เชื่อกันว่าเดิมเป็นคนมีอาคมแก่กล้าจนสามารถจำแลงร่างเป็นเสือแล้วจำแลงกลับมาเป็นคนไม่ได้ หรืออีกนัยหนึ่ง เสือสมิงคือเสือที่เมื่อกินคนมากๆ เข้า วิญญาณคนตายก็เข้าสิง และต่อมาสามารถจำแลงร่างเป็นคนได้ แต่คติความเชื่อเรื่องเสือสมิงนี้ไม่ได้มีเฉพาะในสังคมไทยเพียงเท่านั้น

——ในประเทศจีนมีผีชนิดหนึ่งเรียกว่าชังกุ่ย (倀鬼 chāng guǐ) หรือ หู่ชัง (虎倀 hǔ chāng) ซึ่งมีรูปลักษณ์คล้ายเสือสมิงของไทย “ชังกุ่ย” คือวิญญาณคนที่ถูกเสือกิน แล้วไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้ และต้องกลายเป็นชังกุ่ยคอยหลอกหลอนคนให้ตกเป็นเหยื่อ

——เรื่องเล่าเกี่ยวกับชังกุ่ยปรากฏครั้งแรกในหนังสือ ก่วงอี้จี้ 《廣異記》นิยายว่าด้วยภูติ ผี ปิศาจและเรื่องลี้ลับ แต่งโดย ไต้ฝู (戴孚) นักเขียนในสมัยราชวงศ์ถัง (唐 ค.ศ. 618–907) ซึ่งเล่าไว้อย่างพิสดารดังนี้ ในสมัยราชวงศ์ถังมีชาวบ้านหลายคนในเมืองอี๋ว์โจว (渝州)[1] โดนเสือกิน เหล่านายพรานเลยต้องออกล่าเสือตัวนั้น แต่แม้ว่าจะวางกับดักอย่างแนบเนียนแล้วก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งมีนายพรานคนหนึ่งคอยซุ่มสังเกตการณ์อยู่บนต้นไม้ ขณะที่เฝ้ารอนั้น เขาได้เห็นวิญญาณเด็กผู้ชายอายุราว 7-8 ขวบ ผิวซีดเผือด กำลังปลดกับดักที่เขาวางไว้ เขาเห็นดังนั้นจึงรอให้วิญญาณเดินผ่านไป และลงมาวางกับดักให้เหมือนเดิม หลังจากนั้นชั่วอึดใจ เสือตัวหนึ่งก็โผล่มาและเข้าไปติดกับดักจนตาย แล้ววิญญาณเด็กก็ปรากฏขึ้นทันใดอีกครั้งและวิ่งร้องไห้เข้าไปในปากเสือตัวนั้น วันรุ่งขึ้น เมื่อนายพรานและชาวบ้านเปิดกับดักออกดู ก็พบว่าปากเสือคาบป้ายหยกขนาดเท่าไข่ไก่ไว้

——ส่วนนิยายเรื่อง จื่อปู้อี่ว์《子不語》 แต่งโดย หยวนเหมย (袁枚 ค.ศ. 1716–1798) นักเขียนสมัยราชวงศ์ชิง (清 ค.ศ. 1616–1911) มีเนื้อความผิดแปลกจากเดิมดังนี้ ในสมัยราชวงศ์ถัง ที่เมืองเซวียนโจว (宣州)[2] มีเด็กชายคนหนึ่งอาศัยอยู่ใกล้ชายป่า เขาเห็นเสือเฒ่าตัวหนึ่งมาป้วนเปี้ยนที่ประตูบ้านกว่าสิบครั้ง ทุกค่ำคืน เขาจึงพูดกับแม่ว่า “เสือเฒ่ามาแล้ว ข้าคงต้องตายเพราะมันเป็นแน่ คนในหมู่บ้านต่างก็บอกว่า คนที่ถูกเสือกินจะกลายเป็นชังกุ่ยและต้องคอยรับใช้เสือตัวนั้น ถ้าข้าต้องกลายเป็นชังกุ่ย ข้าจะพามันไปยังหมู่บ้านของเรา ดังนั้น ข้าขอให้ทุกคนย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ก่อน และช่วยกันขุดหลุมพรางไว้ตรงทางเดินก่อนถึงหมู่บ้านเพื่อดักเสือเฒ่าไว้” ไม่กี่วันต่อมา เด็กคนนั้นก็ถูกเสือกินจริงๆ และวิญญาณเด็กน้อยก็ไปเข้าฝันพ่อของตนบอกให้ทำตามอุบายที่วางไว้ ในที่สุดก็สามารถจับเสือเฒ่าได้

——นอกจากนี้ในหนังสือ เย่ว์เวยเฉ่าถังปี่จี้《閱微草堂筆記》ของจี้อวิ๋น (紀昀 ค.ศ. 1724–1805) นักวิชาการสมัยราชวงศ์ชิง ยังมีเรื่องเล่าอีกสำนวนหนึ่งว่า ขณะที่คนตัดฟืนคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่บนภูเขาหลิงหลี่ เตรียมจะพักผ่อนด้วยความเหนื่อยล้านั้น เขามองเห็นคนผู้หนึ่งสาวเท้าหนักๆ มาแต่ไกล ท่าทางคล้ายกำลังแบกของอยู่ ดูแปลกประหลาดยิ่งนัก คนตัดฟืนจึงสะกดรอยตาม แต่กลับพบว่าคนผู้นั้นรูปร่างหน้าตาผิดมนุษย์มนา ทั้งยังเดินอย่างเร่งรีบ คนตัดฟืนจึงแอบเดินตามไปติดๆ จนมาถึงภูเขาแห่งหนึ่ง เขาก็เห็นคนผู้นั้นกลายเป็นเสือแล้วขย้ำกินเสือเฒ่าอีกตัวหนึ่ง คนตัดฟืนขวัญหนีดีฝ่อจนไม่กล้าหยิบคบเพลิง รีบวิ่งลงภูเขาไป

 

⦿  เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ ชังกุ่ย

——แม้ในปัจจุบัน เรื่องราวของชังกุ่ยจะผิดแผกแตกต่างกันตามแต่ละวัฒนธรรมหรือท้องถิ่น ทว่าทั้งหมดล้วนมีจุดร่วมเดียวกัน คือสะท้อนภาพความหวาดกลัวของมนุษย์ที่มีต่อภัยคุกคามจากสัตว์ป่า โดยเฉพาะเสือซึ่งเป็นสัตว์ที่ดุร้าย

——ความเชื่อเรื่องผีของจีนมักถูกนำมาใช้ในการอบรมบ่มนิสัยหรือเตือนสติผู้คน เช่น ในยามวิกาล ผู้ใหญ่มักใช้ผีเพื่อขู่ไม่ให้เด็กออกจากบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย หรือใช้เรื่องผีจมน้ำ (溺鬼) มาเตือนให้ผู้คนไม่ประมาทเวลาเล่นน้ำ เพื่อลดความเสี่ยงในการจมน้ำเสียชีวิต รวมถึงความเชื่อเรื่องผีคลอดบุตร (產鬼) ซึ่งสื่อนัยว่าการคลอดบุตรเป็นเรื่องเสี่ยงตายสำหรับสตรี และติงเตือนให้ผู้คนเห็นคุณค่าของชีวิต ฯลฯ

——เมื่อวิเคราะห์จากมุมมองการสร้างอักษรจีน พบว่าอักษร 倀 ของผีชังกุ่ยมีลักษณะเฉพาะตัว ต่างจากอักษรจีนอื่นๆ ที่มีความหมายเกี่ยวกับผี  เช่น 魂 (วิญญาณ) 魔 (มาร) หรือ魅 魑 魍 魎 (ภูติผีปิศาจ ที่มาจาก ป่า เขา แม่น้ำและธรรมชาติต่างๆ) ซึ่งต่างประกอบด้วยอักษร “鬼” ที่สื่อถึงความเป็นผีโดยตรง ทว่าคำว่า 倀 กลับมีอักษร “人” ซึ่งหมายถึง “มนุษย์” เป็นส่วนประกอบหลัก สะท้อนความหมายถึงการเป็นทั้งมนุษย์และผี กล่าวคือ ในแง่หนึ่งชังกุ่ยเป็นผีคล้ายเสือสมิง มีอิทธิฤทธิ์สามารถแปลงกายเป็นคนได้เพราะมีวิญญาณของคนสิงสู่ ในอีกแง่หนึ่งก็ถูกตีความว่าเป็นคนจําพวกหนึ่งที่ประพฤติผิดศีลธรรม เช่น คนที่หลอกลวง หักหลัง หรือใช้อำนาจของผู้อื่นกระทำความชั่วร้าย

——ด้วยเหตุผลข้างต้น จึงมีการนำคำว่า “ชังกุ่ย” มาใช้เป็นสำนวน เช่น เว่ยหู่จั้วชัง wèi hǔ zuò chāng (為虎作倀) หมายถึง การช่วยคนไม่ดีทำความชั่วด้วยความสมัครใจ อีกทั้งในปัจจุบันก็มีคำสแลงที่ใช้ในโลกอินเตอร์เน็ตอย่าง ชังกุ่ยเผิงโหย่ว chāng guǐ péng yǒu (倀鬼朋友) ซึ่งหมายถึง เพื่อนที่ภายนอกดูเสมือนมิตร แต่แท้จริงแล้วแฝงด้วยการหลอกลวง พร้อมหักหลังคุณได้ทุกเมื่อ

——อย่างไรก็ตาม แม้ความหมายของอักษร 倀 จะแสดงออกถึงทัศนคติในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ต่อผีหรือคนที่ทำความชั่วร้าย แต่ในตำนานปรัมปราของจีนหลายเรื่องยังนำเสนอแง่มุมที่เปิดโอกาสให้ผีชังกุ่ยกลับเนื้อกลับตัว ส่งเสริมให้ทำความดี ตลอดจนถ่ายทอดแนวคิดเรื่องเมตตาจิตและการให้อภัยด้วยเช่นกัน

——สุดท้าย ตำนานความเชื่อเหล่านี้ นอกจากสะท้อนภาพความหวาดกลัวของมนุษย์ต่อสัตว์ป่าอย่างเสือแล้ว ยังแสดงออกซึ่งความพยายามของผู้คนในอดีตเพื่อทำความเข้าใจและอธิบายปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติรอบตัว ไม่ว่าจะเป็น “เสือสมิง” ของไทย หรือ “ชังกุ่ย” ของจีน ซึ่งตำนานทั้งสองถูกถ่ายทอดผ่านวรรณกรรมพื้นบ้านมาตั้งแต่สมัยโบราณ และสั่งสมจนกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สะท้อนทั้งประวัติศาสตร์ จินตนาการ คติสอนใจ และโลกทัศน์ของผู้คนแต่ละสังคม ในปัจจุบัน ตำนานเหล่านี้ก็ยังคงเปี่ยมด้วยเสน่ห์ ดึงดูดใจให้เราเข้าไปสำรวจโลกแห่งความเชื่อและจินตนาการของผู้คนต่างวัฒนธรรมได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

 


[1] ปัจจุบันคือเมืองฉงชิ่ง (重慶)

[2] ปัจจุบันคือเมืองอันฮุย (安徽)