หมากล้อม: ยุทธปัญญาบนเกมกระดาน
เรื่องโดย พัชรพร ประเสริฐสูง
——-
——ความเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมจีนโบราณ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งอารยธรรมยุคแรกเริ่มของโลก ซึ่งหลายสิ่งที่มีความโดดเด่น และสืบทอดมาจวบจนปัจจุบัน เช่น พิณ (琴) หมากล้อม (棋) ลายสือศิลป์ (書) และ จิตรกรรม (畫) อันเป็นทักษะ 4 แขนงที่ปัญญาชนในสังคมจีนถือว่าเป็นมาตรฐานในการฝึกฝนและพัฒนาตนเอง
——หมากล้อม (圍棋) หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “โกะ” (GO)[1] เป็นหมากกระดานชนิดหนึ่งซึ่งประกอบด้วยผู้เล่นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งวางหมากสีดำ อีกฝ่ายหนึ่งวางหมากสีขาว เป้าหมายของการเล่นคือฝ่ายใดยึดครองพื้นที่ได้มากกว่า ฝ่ายนั้นย่อมเป็นผู้ชนะ หมากล้อมถือเป็นหมากกระดานที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
——หมากล้อมเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า มีความเป็นมาย้อนหลังไปกว่า 3,000 ปี ตำนานจีนเล่าสืบต่อกันมาว่า พระเจ้าเหยา (堯) ทรงริเริ่มทำหมากล้อมขึ้น เพื่อใช้เป็นเครื่องลับสมองประลองปัญญาของพระโอรสให้รู้จักการคิดวิเคราะห์แทนการใช้พละกำลัง หมากล้อมอิงหลักปรัชญาหยินหยาง ซึ่งเป็นความเชื่อดั้งเดิมของชาวจีน อันมีแนวคิดว่าสรรพสิ่งในโลกล้วนมีปฏิสัมพันธ์กันดั่งพลังหยินและหยาง แม้จะขัดแย้ง แต่ก็มิอาจแยกกันได้ ด้วยเหตุนี้ จึงมีการกำหนดสีเม็ดหมากล้อมให้คล้ายกับสีสัญลักษณ์ของหยินและหยาง สีดำแทนหยิน สีขาวแทนหยาง
——กล่าวกันว่าหมากล้อมเปรียบเสมือนภาพจำลองของการรบพุ่งในสมรภูมิบนกระดานขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม การเล่นหมากล้อมมิได้มีจุดประสงค์เพื่อทำลายคู่ต่อสู้ หากแต่เน้นให้ผู้เล่นอยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง ต่างฝ่ายต่างได้รับความเพลิดเพลินและประโยชน์จากการเล่น อันได้แก่ การควบคุมอารมณ์และฝึกสมาธิ การวิเคราะห์คำนวณ และการคิดอย่างเป็นระบบ ส่งผลดีต่อการพัฒนาทักษะในการประเมินสถานการณ์และการวางกลยุทธ์ ชาวจีนจึงนิยมเล่นหมากล้อมเพื่อกล่อมเกลาจิตใจและอุปนิสัยของตน
- เหตุใดจึงเรียกว่า “หมากล้อม”
——“หมากล้อม” ในภาษาจีนสามารถเรียกได้ 2 แบบดังนี้
- เหวยฉี (圍棋) : คำว่า เหวย (圍) เป็นคำกริยา หมายถึง “ล้อม” ส่วนคำว่า ฉี (棋) เป็นคำนาม หมายถึง “หมากกระดาน” แปลเป็นภาษาไทยตรงตัวว่า “หมากล้อม” ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นการตั้งชื่อตามลักษณะการเล่น กล่าวคือ หากมุ่งหวังกินเม็ดหมากของฝ่ายตรงข้าม ผู้เล่นต้องวางเม็ดหมากเพื่อปิดเส้นทางลมหายใจของอีกฝ่ายทั้งสี่ด้าน เสมือนการล้อมเม็ดหมากของอีกฝ่ายเอาไว้ จึงเป็นที่มาของชื่อ “หมากล้อม”
- อี้ (弈) : นอกจากคำว่า “เหวยฉี” แล้ว “อี้” ก็เป็นอีกคำที่สื่อความหมายถึงหมากล้อม และเป็นคำที่ใช้ในจีนสมัยโบราณ คำว่า อี้ (น.) มีหลักฐานปรากฏครั้งแรกในคัมภีร์หลุนอวี่ บทหยางฮั่ว《论语·阳货》ขงจื่อกล่าวว่า “ทั้งวันอิ่มท้องแล้ว มิได้ใช้ความคิดอันใด ช่างอึดอัดเสียจริง มิมีผู้เล่นหมากล้อมเลยหรือ”( 飽食終日,無所用心,難矣哉!不有博奕者乎?)
—–ในปัจจุบันคำว่า “อี้” นิยมใช้ในภาษาเขียน ส่วนคำว่า “เหวยฉี” นิยมใช้ในภาษาพูด อนึ่งในด้านภาษาศาสตร์ คำว่า “อี้” ยังมีระดับคำที่สูงกว่า เพราะเป็นได้ทั้งคำนาม คือ “หมากล้อม” และคำกริยา คือ “เล่นหมากล้อม” หรือ “วางหมากล้อม”
- กระเรียนคาบหยก: แรงบันดาลใจจากธรรมชาติสู่เกมกระดาน
—–เนื่องด้วยแบบแผนของการเล่นหมากล้อมมีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร ลักษณะการจับจึงแตกต่างจากหมากกระดานชนิดอื่นอย่างสิ้นเชิง ท่าจับเม็ดหมากล้อมต้องฝึกฝนจนชำนาญ ถึงจะดูเป็นธรรมชาติและเข้ากับท่วงทีลีลาในการวางหมากล้อม
(ลักษณะการจับหมากล้อม)
——จากภาพข้างต้นจะเห็นได้ว่าวิธีจับเม็ดหมากล้อมที่ถูกต้องควรใช้ปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางคีบเม็ดหมากไว้ นิ้วชี้ช้อนเม็ดหมาก ส่วนนิ้วกลางคอยประกบเม็ดหมากไว้ จากนั้นจึงวางเม็ดหมากลงบนจุดตัดอย่างระมัดระวัง เมื่อวางเม็ดหมากด้วยวิธีจับดังกล่าว จะเกิดเสียงเม็ดหมากกระทบกระดานไม้ ถือเป็นเสน่ห์ของการเล่นหมากล้อม วิธีจับอันมีเอกลักษณ์ ท่วงท่าสง่างามและละเมียดละไมเช่นนี้ มีชื่อเรียกว่า กระเรียนคาบหยก (仙鶴銜玉) เพราะมีลีลาคล้ายนกกระเรียนที่กำลังใช้ปากคาบหยกอยู่ ทั้งนี้เพราะ “นกกระเรียน” จัดเป็นสัตว์มงคลชนิดหนึ่งตามความเชื่อของชาวจีน มักจะปรากฏเป็นพาหนะหรือสัตว์คู่บารมีของเทพเจ้าตามรูปภาพมงคลหรือตำนานเทพนิยาย การเปรียบเทียบท่าจับเม็ดหมากล้อมกับนกกระเรียนคาบหยกจึงสอดคล้องกับค่านิยมของชนชั้นนำในสังคมจีนยุคโบราณ
——อย่างไรก็ตาม การที่ต้องใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางจับเม็ดหมากล้อมนั้นมีสาเหตุสำคัญอยู่เช่นกัน เพราะเมื่อการเล่นดำเนินไป เม็ดหมากบนกระดานจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากผู้เล่นต้องการวางเม็ดหมากท่ามกลางตัวหมากที่เรียงติดกัน การยื่นนิ้วชี้และนิ้วกลางออกไปย่อมจะวางเม็ดหมากได้สะดวกง่ายดาย หากเป็นนิ้วอื่นอาจทำให้นิ้วของผู้เล่นไปกระทบเม็ดหมากข้างๆ ที่วางอยู่ใกล้กัน
- กลเม็ดในการเดินหมากล้อม (圍棋十訣)
—–ในการเล่นหมากล้อมย่อมมีกลเม็ดอันแยบยลหรือกลยุทธ์เพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้าม กลเม็ดเหล่านี้ ได้จากการเรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์จนตกผลึกของคนรุ่นก่อน กลเม็ดที่นิยมใช้กันมี 10 ประการ ดังนี้
- อย่ามุ่งแต่จะเอาชนะ (不得貪勝)
- ฝ่าด่านศัตรู ต้องดูลาดเลา (入界宜緩)
- ยามรุกพร้อมรับ ยามบุกระวังหลัง (攻彼顧我)
- สละหมากชิงจังหวะ (棄子爭先)
- ละทิ้งสิ่งเล็ก หมายใจสิ่งใหญ่ (舍小就大)
- พบเภทภัยไม่เสียดาย (逢危須棄)
- เข้าตาจน ต้องอดทนไว้ (慎勿輕速)
- เคลื่อนไหวเมื่อได้ช่อง (動須相應)
- ตกเป็นเบี้ยล่าง ต้องประคองตน (彼強自保)
- หาหนทางรอดแม้โดดเดี่ยว (勢孤取和)
- ข้อควรรู้ของการเล่นหมากล้อม
- การจับแบบปักหมุด คือการใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้จับตัวหมากเหมือนการปักหมุด เนื่องจากนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เป็นนิ้วที่คนทั่วไปใช้เล่นหมากกระดานชนิดอื่น ผู้เล่นหลายคนจึงเคยชินกับการจับแบบนี้ แม้การจับแบบนี้จะกระชับมือ แต่ข้อเสียคือนิ้วอาจไปกระทบหมากตัวอื่นบนตารางได้ง่าย อีกทั้งยากแก่การวางและหยิบเม็ดหมากด้วย
- การใช้แรงวางเม็ดหมาก การวางเม็ดหมากของหมากล้อมนั้นต่างกับหมากกระดานชนิดอื่น เพราะเมื่อวางแล้วจะมีเสียงเม็ดหมากกระทบกับกระดาน ซึ่งเป็นเสน่ห์เฉพาะของหมากล้อม แต่หากวางเม็ดหมากแรงเกินไปอาจทำให้หมากตัวอื่นสะเทือนจนเคลื่อนจากตำแหน่งเดิมได้
- การเล่นเม็ดหมาก การดีด โยน หรือเล่นเม็ดหมากเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เนื่องจากเม็ดหมากล้อมมีไว้เพื่อวางบนกระดาน ไม่ใช่เพื่อนำไปดีดหรือเล่นในแบบอื่น
- การชูเม็ดหมากเหนือศีรษะ การเล่นหมากล้อมควรสำรวมกิริยามารยาท ให้เกียรติตนเองและฝ่ายตรงข้าม ผู้เล่นจึงไม่ควรชูเม็ดหมากเหนือศีรษะแล้วค่อยวาง
- อุปกรณ์สำหรับหมากล้อม
- กระดานหมากล้อม (圍棋盤) ส่วนใหญ่ผลิตจากไม้ รูปทรงสี่เหลี่ยม มีหลากหลายขนาด แต่ที่นิยมกันมี 3 ขนาด ได้แก่
- ตารางมาตรฐาน 19×19 เส้น ใช้สำหรับการแข่งขันระดับมาตรฐาน
- กระดานขนาดกลาง 13×13 เส้น ใช้สำหรับมือใหม่ไว้ฝึกฝน
- กระดานขนาดเล็ก 9×9 เส้น ใช้สำหรับผู้เล่นมือใหม่ไว้ทำความเข้าใจวิธีการเล่นหมากล้อม
——-การตั้งกระดานหมากล้อมจำเป็นต้องตั้งต่ำกว่าระดับสายตา เพื่อให้ผู้เล่นสามารถมองเห็นเม็ดหมากได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นผลดีในการสังเกตและประเมินสถานการณ์ในภาพรวม
- เม็ดหมาก (棋子) ประกอบด้วยสีดำ 181 เม็ด สีขาว 180 เม็ด รวม 361 เม็ด ในสมัยโบราณมักนำหินที่อยู่ตามชายหาดหรือริมแม่น้ำมาใช้แทนเม็ดหมากสีดำ และใช้เปลือกหอยแทนเม็ดหมากสีขาว ในปัจจุบันเทคโนโลยีทันสมัยมากขึ้น เม็ดหมากจึงมีทั้งผลิตจากหินชนวน เซรามิก พลาสติก หรือแม้กระทั่งงาช้าง หรือหินทะเลภูเขา
- โถปากกว้าง (棋罐) ประกอบด้วยโถและฝาโถ ขนาดมาตรฐาน 15×10 เซนติเมตร ใช้ใส่เม็ดสีดำ 1 โถและเม็ดสีขาว 1 โถ โดยปกติแล้วการเล่นหมากล้อมมักเปิดฝาโถไว้เพื่อให้ผู้เล่นหยิบเม็ดหมากได้สะดวก ส่วนฝาโถมักใช้ใส่ “เชลย” หรือเม็ดหมากที่ถูกจับกินมา
- อัลฟ่าโกะ: AI สะท้านโลก ปัญญาประดิษฐ์พิชิตมนุษย์
——ถึงแม้หมากล้อมเป็นเกมกระดานที่สามารถเสริมทักษะกระบวนการคิดให้แก่มนุษย์ ทว่าหมากกระดานกลับมิได้จำกัดอยู่แค่การเล่นระหว่างมนุษย์กับมนุษย์เท่านั้น
——ในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นยุคโลกาภิวัตน์ที่เทคโนโลยีรุดหน้าไปมาก หมากล้อมซึ่งมีกติกาเข้าใจง่าย แต่รูปแบบการเล่นซับซ้อน จึงถูกมองว่ามีส่วนสำคัญในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence) โดยบริษัทดีปมายด์ (DeepMind)[2] ได้ริเริ่มทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชื่อว่า อัลฟ่าโกะ (AlphaGo) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการเพิ่มประสิทธิภาพของปัญญาประดิษฐ์ผ่านเกมกระดานชนิดนี้
——“อัลฟ่าโกะ” เป็นที่รู้จักและกล่าวขวัญถึงอย่างกว้างขวาง เมื่อบริษัทดีปมายด์ได้เชิญ ฝานฮุย (樊麾) นักเล่นหมากล้อมมืออาชีพชาวจีน และแชมป์ยุโรป 3 สมัย ไปแข่งขันกับเกมปัญญาประดิษฐ์ที่พวกเขาคิดทำขึ้นใน ค.ศ. 2015 แน่นอนว่าเกมนี้ถือเป็นการประลองกับมนุษย์ครั้งแรก ทว่าฝานฮุยกลับพ่ายแพ้แก่ปัญญาประดิษฐ์ 2.5 แต้ม บนกระดาน 19×19 โดยไม่มีการต่อหมาก ก่อนที่เขาจะขอยอมแพ้ในอีก 4 เกมถัดมา เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เกมคอมพิวเตอร์สามารถชนะมนุษย์ได้
——เนื่องจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างเกรียวกราวในแวดวงหมากล้อม บริษัทดีปมายด์จึงจัดการแข่งขันที่ท้าทายยิ่งกว่าเดิม ด้วยการตัดสินใจเชิญ อี เซดล (이세돌) ยอดปรมาจารย์หมากล้อมชาวเกาหลี ระดับฝีมือ 9 ดั้ง แชมป์หมากล้อมนานาชาติ 18 สมัย มาประลองกับปัญญาประดิษฐ์ ผลการแข่งขันคืออัลฟ่าโกะชนะอีเซดล 4 ต่อ 1 เกม แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้แก่เกมคอมพิวเตอร์ แต่หนึ่งเกมที่เขาชนะได้สร้างความประทับใจให้แก่เหล่าผู้เล่นและผู้ชมไม่น้อย และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่มนุษย์สามารถพิชิตปัญญาประดิษฐ์ในการเล่นหมากล้อม
—–ในการประชุมสุดยอดหมากล้อมแห่งอนาคต (Future Go Summit) เมื่อ ค.ศ. 2017 นักหมากล้อมจีนมือวางอันดับหนึ่งของโลกในขณะนั้นนามว่า เคอเจี๋ย (柯潔) ได้ประลองฝีมือกับอัลฟ่าโกะ 3 เกม ผลก็คือเขาแพ้ 3 เกมรวด หลังจากจบเกมนี้ เคอเจี๋ยกล่าวว่าจะไม่เล่นหมากล้อมกับปัญญาประดิษฐ์อีกตลอดชีวิต และอัลฟ่าโกะเองก็คงจะวางมือเพื่อหันไปพัฒนาศักยภาพด้านอื่นต่อเช่นกัน
- หมากล้อมในประเทศไทย
—–ความนิยมในการเล่นหมากล้อมแพร่หลายจากประเทศจีนสู่นานาประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ไทย รวมถึงประเทศแถบตะวันตก
—–ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) คุณก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ได้ก่อตั้งชมรมหมากล้อมแห่งประเทศไทย อีกทั้งดำรงตำแหน่งประธานชมรมและนายกสมาคมกีฬาหมากล้อมแห่งประเทศไทยเป็นคนแรกด้วย
(ภาพจากสมาคมกีฬาหมากล้อมแห่งประเทศไทย)
—–ในระยะแรกชมรมแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของร้านเซเว่นอีเลฟเว่น สาขางามดูพลี ภายในชมรมมีห้องเรียนขนาดเล็กสำหรับสอน และห้องสำหรับเล่นหมากล้อมหนึ่งห้อง รองรับสมาชิกได้ประมาณ 10-15 คน ส่วนอุปกรณ์สำหรับการเรียนการสอน รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ฝึกฝนนั้น คุณก่อศักดิ์เป็นผู้จัดซื้อโดยสละทรัพย์ส่วนตัวเพื่อสนับสนุนให้บุคคลทั่วไปและเยาวชนไทยได้รู้จักวิธีการเล่นหมากล้อม และเข้าถึงศิลปะจีนชนิดนี้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น
—–หลังจากนั้นชมรมได้ย้ายสถานที่ตั้งหลายครั้ง กระทั่งทางบริษัทฯ มีนโยบายจัดตั้ง “ปัญญาภิรมย์สโมสร” ขึ้น ชมรมจึงย้ายมายังชั้น 2 อาคารสีลมพาร์ควิวจนถึงทุกวันนี้ ต่อมาชมรมได้จดทะเบียนเป็นสมาคมกีฬาหมากล้อมเมื่อ ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) และได้เปลี่ยนสถานะเป็น “สมาคมกีฬาหมากล้อมแห่งประเทศไทย” เมื่อ ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) นับถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2566) เป็นเวลา 30 ปีแล้ว ที่หมากล้อมได้เป็นที่รู้จักและเล่นกันแพร่หลายในสังคมไทย
[1] มาจากภาษาญี่ปุ่น คำว่า “囲碁” (อิโกะ)
[2] ธุรกิจปัญญาประดิษฐ์สัญชาติอังกฤษ ปัจจุบันอยู่ในเครือของอัลฟาเบ็ต (Alphabet) บริษัทแม่ของกูเกิ้ล (Google)